ดีเดย์ 1 ส.ค. เปิดขั้นตอนลงทะเบียนรับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ต – จุดวอล์กอิน

เริ่มแล้ว 1 ส.ค. รัฐเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แอปฯทางรัฐ-จุดรับลงทะเบียนสำหรับคนไม่มีมือถือ 5,199 แห่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 ส.ค.67  ตั้งแต่เวลา 08.00 น. รัฐบาลได้เปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่กำหนดให้ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ทั้งนี้ผู้มีสิทธิ์ต้องลงทะเบียนแอปพลิเคชัน ทางรัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”

1.1 จากแอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS

1.2 จากแอปพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการม Android

  1. เปิดแอปทางรัฐ กดปุ่ม สมัครสมาชิก/เข้าสู่ระบบ

3.กดที่คำว่าสมัครสมาชิก

  1. กดปุ่ม สมัครด้วยบัตรประชาชน บนแอปพลิเคชันทางรัฐที่เดียว ไม่ต้องใช้แอปอื่นไม่ต้องไปเสียบบัตรที่ Counter Service ช่วยให้ลงทะเบียนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

5.อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวจากนั้นกด ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข แล้วกด ยอมรับ

6.อ่านข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชนจากนั้นกดปุ่มเพื่อถ่ายรูป

7.กรอกข้อมูลของท่าน เลขบัตรประชาชน เลขหลังบัตรประชาชน ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และตรวจสอบให้ถูกต้องตามบัตรประชาชน แล้วกดปุ่มยืนยันตัวตน

8.อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้าจากนั้นเริ่มสแกนใบหน้าของท่าน

9.กำหนด ชื่อบัญชีผู้ใช้ และ รหัสผ่าน ในการเข้าสู่แอปฯแล้วกด ยืนยัน

10.ตั้งค่า PIN Code 6 หลัก แล้วกดยืนยัน PIN Code อีกครั้ง

11.เปิดใช้งานการสแกนใบหน้าของท่านโดยกดที่ใช้งาน

12.จากนั้นกด “เริ่มใช้งานและเตรียมพร้อมรอติดตามประกาศวันกดยืนยันขอรับสิทธิจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ”

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยโทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (ตลอด 24 ชม.) โดยรัฐบาล โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เตรียมเจ้าหน้าที่รองรับการทำงานของระบบไว้กว่า 500 คน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหา ตอบข้อสงสัย เรื่องการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชน

คุณสมบัติประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์

  1. ประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
  2. สัญชาติไทย
  3. มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 ก.ย.67)
  4. ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
  5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท ไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มี.ค.67
  6. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
  7. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐ
  8. ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/ โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

ส่วนประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ รัฐบาลได้กำหนดจุดรับลงทะเบียน ดังต่อไปนี้

  1. ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ
  2. ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่งทั่วประเทศ (ยกเว้นไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ)
  3. ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ
  4. ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 ยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติรายละเอียดโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ยังไม่สามารถส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมาสู่ที่ประชุมได้

อย่างไรก็ดี แม้ว่า ครม.จะยังไม่สามารถพิจารณาอนุมัติรายละเอียดโครงการดังกล่าวในครั้งนี้ได้ แต่ยืนยันว่า จะไม่กระทบต่อไทม์ไลน์ของโครงการ โดยการยืนยันตัวตนและการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสามารถทำได้ตามปกติ ส่วนการใช้จ่ายก็ยังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาเดิม คือ ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

ส่วนในวันนี้ ( 31 ก.ค.67 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. …. เพื่อใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท วาระ 2 และ วาระ 3 โดยจะเป็นการประชุมแบบประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั้งหมด แหล่งข่าวภายในพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่า จะสามารถผ่านการโหวตจากที่ประชุมสภาฯได้ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันว่าสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ ต้องการกระตุ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย

Back to top button