CGSI แนะซื้อ PTTEP เป้า 189 บาท หลังโชว์กำไร Q2 โตเกินคาด
CGSI แนะนำซื้อหุ้น PTTEP ราคาเป้าหมาย 189 บาท หลังรายงานกำไรไตรมาส 2/67 สูงกว่าคาดรับยอดขายเพิ่มขึ้น พ่วงปันผล 4.50 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 2/67 บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ทำกำไรสุทธิได้ 23,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.30% จากไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ 15% เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยที่ 28.30 เหรียญสหรัฐ/boe ต่ำกว่าคาด เทียบจากสมมติฐานที่ 29.30 เหรียญสหรัฐ/boe
โดยรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติในไตรมาส 2 นี้ ประกอบด้วย ขาดทุนจากการตัดจำหน่ายต้นทุนของแปลงสัมปทาน Oliver ในออสเตรเลีย 30 ล้านเหรียญสหรัฐ, ขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 19 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น PTTEP จึงมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 24,495 ล้านบาท เติบโต 25% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก คิดเป็น 62% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิเคราะห์ เพราะ PTTEP มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำ แต่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรปกติในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะลดลงเล็กน้อยจากครึ่งปีแรก ผลจากต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ PTTEP ยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.50 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/67 ทาง PTTEP มีปริมาณขายแข็งแกร่งที่ 506kboe/d เพิ่มขึ้น 7.10% จากไตรมาสก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งจากแหล่งก๊าซเอราวัณเพิ่มขึ้น 40kboe/d จากไตรมาสก่อน เต็มไตรมาสและปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากโครงการในแอลจีเรีย อย่างไรก็ตาม ปริมาณก๊าซและน้ำมันจากโครงการ Sabah K และ SK309 ลดลงจากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 2/67 และอาจลดลงต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จึงทำให้ PTTEP ปรับลดประมาณการการผลิตทั้งปีเป็น 501kboe/d จากเดิมที่ 509k boe/d
ด้านราคาก๊าซของ PTTEP ในไตรมาส 2/67 ลดลง 1.70% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณก๊าซจากแหล่งเอราวัณมีสัดส่วนสูงขึ้น ส่วนราคาขายเฉลี่ยของน้ำมัน/คอนเดนเสทมีส่วนลด 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เพราะปริมาณขายจากสินทรัพย์ในมาเลเซียลดลง (ราคามักจะเท่ากับหรือสูงกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย) แต่ปริมาณคอนเดนเสทจากโครงการเอราวัณเพิ่มขึ้น (ปกติจะขายในราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ)
ขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยในไตรมาส 2/67 ลดลง 2.5% จากไตรมาสก่อน จากการกลับรายการค่าใช้จ่ายค้างจ่ายส่วนเกิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลงของโครงการเอราวัณ ซึ่งใช้งบปีนี้ไปแล้วราว 40% ในครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ ส่วนแบ่งจากโครงการพลังงานลมยังติดลบ 3 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2/67 เทียบจาก 5 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/67 จากความเร็วลมที่ลดลงตามฤดูกาลและการรับรู้ค่าใช้จ่ายครั้งเดียว แต่จะชดเชยด้วยดอกเบี้ยรับ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเงินกู้ยืมแก่ผู้ถือหุ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่าในไตรมาส 3/67 กำไรปกติอาจลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณขายจากสินทรัพย์ในมาเลเซียลดลงและแหล่งก๊าซในประเทศบางโครงการจะหยุดซ่อมบำรุงตามแผน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ค.67 แต่มองว่าการที่อุปสงค์จากจีนยังอ่อนตัวและ OPEC+ อาจเพิ่มการผลิตในครึ่งปีหลังจะจำกัดอัพไซด์
ดังนั้นจึงยังแนะนำ “ซื้อ” PTTEP เพราะเชื่อว่าบริษัทมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลน้อยกว่าผู้ประกอบการอื่นในไทย และคงราคาเป้าหมายตามวิธี DCF อยู่ที่ 189 บาท โดยมองว่าปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนคือ ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ส่วน downside risk จะมาจากการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในโครงการ Mozambique LNG