BCP ดีด 5% นำทีม “กลุ่มโรงกลั่น” ขานรับ “ราคาน้ำมัน” พุ่ง หลังตะวันออกกลางเดือด
BCP ดีดบวก 5% นำทีม “หุ้นโรงกลั่น” ขานรับราคาน้ำมันดิบโลกและก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตะวันออกกลางเดือดอีกรอบ ฟากโบรกแนะนำ “ซื้อ” BCP ราคาเป้าหมาย 43 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/67 แตะ 1.8 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (1 ส.ค.67) ภายหลังข่าวการเสียชีวิตของผู้นำกลุ่มฮามาสถูกสังหารในอิหร่านส่งผลให้เกิดความตรึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันดิบมากถึง 1 ใน 3 ของโลก ทั้งนี้ทำให้ราคาหุ้นโรงกลั่นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตอบรับข่าวดังกล่าวตาม ณ เวลา 10:51 น. นำโดย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 33.25 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 5.56% สูงสุดที่ระดับ 33.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.25 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 276.51 ล้านบาท
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 150.00 บาท บวก 3.00 บาท หรือ 2.04% สูงสุดที่ระดับ 150.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 148.50 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 489.88 ล้านบาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 51.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.49% สูงสุดที่ระดับ 51.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 51.00 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264.94 ล้านบาท
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 7.80 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.30% สูงสุดที่ระดับ 7.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.70 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.29 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงทิศทางผลการดำเนินงาน BCP ไตรมาส 2/67 คาดการณ์มีกำไรสุทธิของอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 294% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 26% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเพราะคาดการณ์กำไรพิเศษ 1.2 พันล้านบาท ภายหลังหักภาษีและเป็นส่วนของ BCP จาก BCPG Pcl. (BCPG.BK/BCPG TB) หลังจากที่ขายโรงไฟฟ้า solar farm เก้าแห่งกำลังการผลิตติดตั้งรวม 117 เมกะวัตต์ ในญี่ปุ่นออกไปเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน
ส่วนกำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องมาจากการกลั่นลดลง โดยในส่วนของโรงกลั่นพระโขนง เฉพาะของบริษัท BCP นั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าค่าการกลั่น (market GRM) จะลดลงถึง 66% จากไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 2.5 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจาก spread ของน้ำมันเบนซินลดลง 13.1 เหรียญต่อบาร์เรล, น้ำมันเครื่องบิน ลดลง 13.2 เหรียญต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลงเหลือ 14.8 เหรียญต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบของโรงกลั่นพระโขนงจะลดลง 37% จากไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 76 KBD เนื่องมาจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น 27 วันในเดือนพฤษภาคม แต่อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าโรงกลั่นพระโขนงจะบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 614 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากที่บันทึกผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน 372 ล้านบาท ในไตรมาส 1/67 หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 85 เหรียญต่อบาร์เรล ในไตรมาส 2/67 โดยฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้ามาย 43 บาท
ขณะที่ นายสุวัฒน์ สินสาฎก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ในปัจจุบันกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มพลังงานต้นน้ำ อย่าง PTTEP โดยให้ราคาเป้าหมาย 178 บาท และกลุ่มโรงกลั่น TOP, SPRC และ BCP โดยกลุ่มโรงกลั่นจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาสที่ 3/67 หลังจากราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่าวันนี้คงต้องจับตาการประชุมโอเปกพลัส จากก่อนหน้านี้ (2 มิ.ย.) สมาชิกโอเปกพลัสมีมติเห็นพ้องให้ขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปจนถึงสิ้นปี 68
อย่างไรก็ดี ส่วนของการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วันนั้น ที่ประชุมมีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. และจะเริ่มทยอยยุติการปรับลดกำลังการผลิตในช่วง 1 ปีนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 67 จนถึงเดือน ก.ย. 2568 ซึ่งบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสจะเริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ต.ค. 67
สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานที่รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ PTTEP ราคาเป้าหมาย 174 บาท โดยหุ้นดังกล่าวยังมีแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากไตรมาส 2/67 นอกจากนี้ กลุ่มโรงกลั่นที่น่าสนใจ ได้แก่ SPRC ราคาเป้าหมาย 9.4 บาท, TOP เป้าหมาย 62.50 บาท และ BCP ราคาเป้าหมาย 42.50 บาท จากคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล