สแกนงบ “กลุ่มโรงแรม” กวาดกำไร Q2 แตะ 3.78 พันล้าน ชู CENTEL โตแกร่ง!

ส่องงบ “กลุ่มโรงแรม” กวาดกำไรสุทธิรวมไตรมาส 2/67 แตะ 3.78 พันล้านบาท เติบโต 11.30% ชู CENTEL เด่น! คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่ง รับยอดเข้าพักพุ่ง


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (2 ส.ค.67) ว่าทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบริษัทในกลุ่มโรงแรมที่ศึกษาอยู่จะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย

อย่างไรก็ตามช่วงไตรมาส 2 ของทุกปีมักจะเป็นช่วงที่ผลประกอบการชะลอตัวตามฤดูกาล ซึ่งค่อนข้างแน่นอนว่า ผลการดำเนินงานโดยรวมของทุกบริษัทในกลุ่มจะแผ่วลงจากไตรมาสก่อนหน้ายกเว้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิรวมของกลุ่มในไตรมาส 2/2567 จะอยู่ที่ 3.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 55.70% จากไตรมาสก่อนหน้า นำโดย MINT เพราะเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มโรงแรม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากยุโรป (อยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว) มากกว่าเพื่อน

ส่วนผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม ซึ่งได้แก่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR น่าจะแผ่วตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ากำไรของสามโรงแรมนี้จะยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 2/2567

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่ตลาดเป็นห่วง ERW คืออาจมีการปรับขึ้นค่าเช่า Grand Hyatt Erawan (ERW ถือหุ้น 74% และสหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว (สหไทย) ถือหุ้น 24% )ซึ่งสัญญาเช่าอายุ 30 ปี ที่ทำไว้กับสหไทยครบอายุสัญญาไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 โดย ERW พยายามเจรจาเพื่อต่ออายุสัญญาอีก 20 ปี และ ปัจจุบันทำสัญญาเช่าแบบปีต่อปี โดยคิดว่าประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยค้างคาที่จะถ่วง ERW เอาไว้จนกว่าจะต่อสัญญาเสร็จเรียบร้อย

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 17.5ล้านคนในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 88.60% ของระดับก่อน COVID ระบาด โดยคาดการณ์ว่าโมเมนตัมจะยังคงเป็นบวกต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2567 หลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีน, ยุโรป และเอเชียใต้ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยคาดการณ์ว่าผลบวกจากนโยบายขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของรัฐบาลน่าจะส่งช่วยหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยในปัจจุบัน ซึ่งใช้สมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567 อยู่ที่ 35 ล้านคน และปี 2568 อยู่ที่ 38 ล้านคน ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 50% ของประมาณการเต็มปีของเรา

โดยหลังจากที่ผ่านช่วงที่การท่องเที่ยวแผ่วตามฤดูกาลในไตรมาส 2/2567 ไปเรียบร้อยแล้ว คาดการณ์ว่ากำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 น่าจะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่การท่องเที่ยวแข็งแกร่งตามฤดูกาลในไตรมาส 4/2567 ซึ่งยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยเลือก ERW และ MINT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้

อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของ CENTEL ในไตรมาส 2/2567 จะออกมาน่าพอใจ โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 68.30% จากไตรมาสก่อนหน้า

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจะเป็นเพราะธุรกิจโรงแรมซึ่งคาดว่าอัตราห้องพัก (RevPar) จะเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 3,674 บาท จากโรงแรมในดูไบเพิ่มขึ้น 16% และ โอซาก้าเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ได้อานิสงส์จากช่วง high season ของการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า RevPAR ของโรงแรมในต่างจังหวัดน่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะถูกกดดันจากการปรับปรุงโรงแรม Centara Grand Mirage ซึ่งทำให้มีจำนวนห้องพักเปิดให้บริการเพียง 40% ของห้องพักทั้งหมดในไตรมาส 2/2567 นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจอาหาร คาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 4.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้าจากการเติบโตของ Mister Donut

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 5.54 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9.20% จากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 2/2567 ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 40.60% จาก 39.80% ในไตรมาส 2/2566 และ 45.30% ในไตรมาส 1/2567

Back to top button