การเมืองยุค 3 ป. เข้าสู่ยุค 3 ก๊ก “แดง-น้ำเงิน-ส้ม”
สื่อพุ่งเป้า ทำเนียบรัฐบาล ปรับ ครม. เปลี่ยนผ่าน ยุค 3 ป. สู่ ยุค 3 ก๊ก
“ ไม่เอาพรรคลุง จะเอาพรรคเลือดสีฟ้า” ประโยคนี้ เป็นประโยคเตือนพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางกระแสข่าว “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล อย่าง พรรคเพื่อไทย เตรียมปล่อยมือ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจับมือ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล”
ถึงแม้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะออกมายืนยันว่า เรื่องปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) การดึงคนเข้า – คนออกยังไม่มีในตอนนี้ เพราะตอนนี้แค่ปัญหาขับเคลื่อนประเทศก็เยอะเหลือเกิน เราต้องช่วยเหลือกัน ก็เห็นอยู่แล้วว่าปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้างทุกวัน รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาเหล่านี้ต่อไป
แต่กระแสการปรับ ครม. ก็ไม่หายไป เพราะ ล่าสุด มีรายงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยในหนังสือดังกล่าว นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.ได้แสดงเจตจำนงว่าตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาของพรรค รทสช.ที่ว่างอยู่ 1 ตำแหน่งที่ว่าง หลังจากนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลัง ยังเป็นโควตาของพรรค และจะมีการสลับปรับเปลี่ยนภายในพรรค รทสช.เอง โดยขอเสนอชื่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค รทสช. จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากไม่มีคดีความติดตัวอยู่แล้ว…. เรื่องนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า การปรับ ครม. จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แต่ต้องยอมรับว่า การปรับ ครม. ในสัดส่วนของพรรค รทสช. อาจไม่ได้ส่งผลต่อเสถียรภาพ หรือ ภาพลักษณ์ของรัฐบาลมากนัก เพราะ รัฐบาลได้หลุดพ้นช่วงถ่วงดุลอำนาจของ 2 ลุง ไปแล้ว
การเมืองไทย ณ วันนี้ ได้เปลี่ยนผ่านจากยุค 3 ป. เข้าสู่ยุค 3 ก๊ก “แดง-น้ำเงิน-ส้ม” เป็นที่เรียบร้อย หากจับจังหวะเวลานี้ สัญญาณเริ่มบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ในเชิงการเมืองของ “2 ลุง” อนุรักษนิยมเก่าได้หมดไปแล้ว และ กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ “กลุ่มอนุรักษนิยมใหม่” โดยมี “สีน้ำเงิน” เป็นคีย์แมน พร้อมๆ กับชื่อ “นายอนุทิน” ที่ถูกพูดถึงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ในประเด็นยึดสภาสูง และ นายกฯสำรอง
แหล่งข่าวในพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยสั้นๆว่า หากมีการปรับ ครม. ในรอบนี้ คาดว่า จะเป็นการปรับเพื่อให้การทำงานระหว่าง พรรคสีแดง กับ พรรคสีน้ำเงิน ทำงานร่วมกันราบรื่นมากขึ้น และคงจะปรับหลังจากศาลฯวินิจฉัยคดีถอดถอนนายเศรษฐา จากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี