สอย 6 หุ้น “หลบภัย” รับมือเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
“กระทรวงแรงงานสหรัฐ” รายงานตัวเลขว่างงานพุ่ง 4.30% สะท้อนภาพเศรษฐกิจอาจชะลอตัว ฟากบล.กรุงศรี แนะนำลงทุน 6 หุ้นหลบภัย ชู GULF-CPALL-CPAXT-TRUE-ADVANC-BDMS
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณี กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยอัตราจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่ง จากคาดการณ์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.30% จากระดับ 4.10% ในเดือนมิ.ย. แสดงถึงความถดถอยในตลาดแรงงานสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ยังมีการรักษาเสถียรภาพไว้ได้ดีในช่วงที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 2565-66
ทั้งนี้ สอดคล้องกับในบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตัวเลขอัตราว่างงานดังกล่าวนับว่าสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 และสูงกว่าการประมาณการปรับอัตราดอกเบี้ยเฟดของ Dot plot รอบล่าสุดที่คาดการณ์สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 4% ทำให้ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ (Sahm’s Rule) อยู่ที่ระดับ 0.53% จะสะท้อนถึงเศรษฐกิจมีโอกาสการเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 6 เดือน ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปี 2567 อยู่ที่ 3-4 ครั้ง ส่วนทิศทางเฟดนั้นจะปรับลด 1 ครั้งในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 0.25-0.50% ใกล้เคียงกับ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลกคาดการณ์ไว้ทั้งปีจะปรับอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง รวม 0.75%
ขณะที่แนะนำนักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันที่ 5 ส.ค.67 คือ ตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการ (ISM) เดือน ก.ค. โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 51.3 จุด ซึ่งสูงกว่า 50 จุด สะท้อนภาคบริการอยู่ภาวะขยายตัวเร่งขึ้นจากระดับ 48.8 จุด ซึ่งภาคบริการสหรัฐมีสัดส่วนใน GDP สูงราว 77.60% ของ GDP สหรัฐ มากกว่าภาคการผลิตที่มีสัดส่วนเพียง 11% ของ GDP หากออกมาดีตามคาดการณ์นั้นประเมินว่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อบรรยากาศมุมมองการเกิดภาวะถดถอย (Recession) ในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม จากทิศทางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มมีสัญญาญชะลอในระยะสั้นทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นและอุตสาหกรรมที่ Outperform และมี Valuation ตึงตัวจากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สร้าง Downside ต่อประมาณการ อาทิ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) และเริ่มเห็นภาพการเปลี่ยนไปลงทุนในพันธบัตรแทน เพื่อตอบรับโอกาสปรับลดดอกเบี้ยเฟด หลังมีโอกาสเร่งขึ้น รวมถึงหุ้น Value ที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมาก (Laggard) ขณะที่ SET Index แม้ระยะสั้นมีโอกาสตอบรับความความผันผวนดังกล่าวแต่เชื่อว่าจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากอัตราพันธบัตรสหรัฐฯลดลง คือ โรงไฟฟ้า ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
รวมไปถึงกลุ่มหนี้สูง ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT
นอกจากนี้ยังแนะนำกลุ่มเทคโนโลยี (ICT) ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ปิดท้ายด้วยกลุ่มโรงพยาบาลซึ่งทนทานต่อทุกภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS