TISCO เน้นย้ำครึ่งปีหลัง “ปล่อยสินเชื่อ” อย่างระวัง! ปักธงปันผลสูง

TISCO ชี้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจยังเปราะบาง เน้นปล่อยสินเชื่อระวัง แต่การันตีคงปันผลสูง จากฐานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง ด้าน NPL สูงขึ้นตามแผนลุยขยายธุรกิจกลุ่มสินเชื่อไฮยีลด์ พร้อมวางเป้าปีนี้ผุด "สมหวังเงินสั่งได้" เพิ่ม 200 สาขา


นายชาตรี จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงิน และบริหารความเสี่ยง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 6 ส.ค.67 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,748.99 ล้านบาท  ขณะที่งวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 3,482.01 ล้านบาท

สำหรับในไตรมาส 2/67 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 3,387.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.90% เทียบจากงวดเดียวของปีก่อน ตามการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 1,549.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.10% เทียบจากงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจจากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/67 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) มีจำนวน 408.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.40% จากไตรมาส 1/67 โดยบริษัทตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงของลูกหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนสูง รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนที่ยังคงเปราะบาง โดยสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/67 มาอยู่ที่ 2.44% และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) อยู่ที่ 162.70%

ส่วนแนวโน้ม NPL ปีนี้คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อจากไตรมาส 2/67 ที่อยู่ในระดับ 2.44% เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สมหวังเงินสั่งได้ ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อ High yield loan เพราะถึงแม้ว่าไฮยีลด์เป็นธุรกิจยังมีความเสี่ยงแต่มองว่าธุรกิจยังให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ดีกว่า ดังนั้นการขยายธุรกิจไฮยีลด์มากขึ้น NPL ก็ต้องปรับตัวขึ้น แต่บริษัทจะพยายามคุม NPL ไม่ให้ขึ้นอย่างรวดเร็ว และการขึ้นจะต้องสอดคล้องกับมาร์จิ้นที่ขยายได้เพื่อไปที่ธุรกิจไฮยีลด์ถึงจะชดเชยกัน แต่อย่างไรก็ตามการขยายในธุรกิจไฮยีลด์ก็ต้องระมัดระวังเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันยังฟื้นตัวช้า

สำหรับกลุ่มพนักงาน TISCO ครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 5,622 คน โดยเพิ่มขึ้นหลักๆมาจากในส่วนของกลุ่มพนักงาน “สมหวังเงินสั่งได้” เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่ โดยปีนี้วางเป้าขยายเพิ่ม 200 สาขาทั่วประเทศ จากปี 66 มีจำนวน 645 สาขา และในครึ่งปีแรกเมื่อรวมสาขาธนาคารและสมหวังเงินสั่งได้ในกลุ่มบริษัทมีทั้งสิน 787 สาขาทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นสมหวังเงินสั่งได้ 734 สาขา และธนาคาร 53 สาขา

ทิศทางการจ่ายปันผลในปี 2567 มองว่าปัจจุบันบริษัทยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งโดย BIS Ratio ณ ครึ่งปีแรก 2567 อยู่ที่ 20.60% และ Tier 1 Ratio อยู่ที่ 18.60% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ธปท.กำหนด ดังนั้นผลกำไรที่ทำมาจะนำมาจ่ายปันผลได้ทั้งหมด และจะจ่ายปันผลได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กำไรในแต่ละปี” นายชาตรี กล่าว

นายชาตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการแข่งขันของรถ EV และการลดราคากระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากผู้ซื้อชะลอการซื้อเนื่องจากกังวลว่าหากซื้อไปแล้วจะมีการลดราคาลงจากเดิม จุดนี้ยิ่งทำให้ภาพรวมการขายรถลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนทิศทางราคาราคารถเก่าในครึ่งแรกเริ่มฟื้นตัว และต้องจับตาช่วงที่เหลือจะเป็นอย่างไรโดยเฉพาะราคารถเก่า EV ที่คาดจะออกมามากขึ้นจะกระทบอย่างไร

ขณะที่ปัจจัยที่มีความกังวลในช่วงเหลือของปีนี้อย่างไรบ้างในเรื่องธุรกิจมองว่าการคาดการณ์ในเรื่องต่างๆชะลอตัวกว่าที่คาดและสินเชื่อมองว่ายังเติบโตไม่ค่อยดี และภาวะตลาดทุนมองว่าปีนี้ซบเซาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ถ้าทุกคนเกาะติดตลาดทุนจะเห็นไซเคิลสลับปีดีและไม่ดี และปัจจัยตลาดรถยนต์ยอดขายไม่ฟื้นตัว และการที่มีรถ EV จากจีนเข้ามามีการกระตุ้นการซื้อรถช่วงสั้นๆทำให้ไม่กระเตื้อง และปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอเนื่องจากครึ่งปีแรกการเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้า ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยภายนอกประเทศยังไม่มีโมเมนตัมที่ดี

Company Snapshot

 

Back to top button