“ดาวโจนส์” เด้ง 400 จุด แรงซื้อกลับ หลังตลาดดิ่งหนักวานนี้!
"ดาวโจนส์" เด้ง 400 จุด แรงซื้อกลับ หลังตลาดดิ่งหนักวานนี้! นอกจากนี้นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง หลังคลายกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 ส.ค.67) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ขณะที่นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง หลังคลายกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย นอกจากนี้ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเก็งกำไรในหุ้นราคาถูก หลังตลาดดิ่งลงอย่างหนักวานนี้
โดย ณ เวลา 22.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,187.22 จุด บวก 483.95 จุด หรือ 1.25%
ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 20% ในวันนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
ส่วนดัชนี VIX พุ่งแตะระดับ 65 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
ด้านนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.4 ในเดือนก.ค. โดยฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 48.8 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.0
โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
ขณะที่ดัชนีปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ หลังจากอยู่ในภาวะหดตัวในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ มีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18
แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก ออกรายงานระบุว่า ตลาดหุ้นจะดีดตัวขึ้นต่อไป โดยฟื้นตัวขึ้นจากแรงเทขายทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการระบายสถานะ yen carry trade เริ่มผ่อนคลายลง
“เราคิดว่าสินทรัพย์เสี่ยงสามารถฟื้นตัวขึ้นจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่การระบายสถานะ yen carry trade ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเริ่มมีเสถียรภาพ”
“เรายังคงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐ ซึ่งได้แรงผลักดันจากกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเรามองว่าแรงเทขายที่เกิดขึ้นถือเป็นโอกาสที่จะเข้าช้อนซื้อหุ้นในตลาด”
“นอกจากนี้ เราคิดว่าการขยายตัวจะเป็นปัจจัยหนุนสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง และเราเชื่อว่าตลาดปรับตัวรับคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากเกินไป” รายงานระบุ
ขณะเดียวกัน แบล็คร็อคระบุว่า รายงานการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดเกิดจากการชะลอตัวของการจ้างงาน ไม่ใช่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณแรงงานอันเนื่องจากแรงงานต่างชาติที่อพยพเข้าสู่สหรัฐ ไม่ใช่เกิดจากการเลิกจ้างของบริษัท ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่แตกต่างจากการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก่อนหน้านี้