GLOBAL ปักหมุดกำไรขั้นต้นครึ่งหลังปี 67 โต 26% รุกขยายสาขา “อินโดฯ-ลาว”

GLOBAL ปักหมุดกำไรขั้นต้นครึ่งหลังปี 67 เติบโต 26% พร้อมเดินหน้าขยายสาขาในอินโดนีเซีย และ สปป.ลาว คาดเปิดช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้


นายภิภพ วาสนาอาชาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 764.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 703.43 ล้านบาท

ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 8,921.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,683.24 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมและสาขาใหม่ พร้อมกับการที่บริษัทมีจากรายได้บริหารคลังสินค้าและรายได้ส่งเสริมการขายที่ได้รับจากคู่ค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา GLOBAL ยังคงเดินตามแผนในการมุ่งมั่นขยายสาขาโดยข้อมูล ณ ปัจจุบันบริษัทมีสาขาในประเทศรวมทั้งสิ้น 87 สาขา และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสาขารวมทั้งสิ้น 91 สาขา ภายในปีนี้

นอกจากนี้ในระยะเวลา 1-2 ปี ข้างหน้า ตั้งเป้าหมายมีสาขาในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 101 สาขา ซึ่งสิ่งที่บริษัทกำลังมองหาคือที่ดินที่ใช้ก่อสร้าง ปัจจุบันนับว่าหาได้ยากขึ้น โดยแผนการขยายสาขา GLOBAL จะเดินหน้าเปิดสาขาไปในระดับอำเภอขนาดใหญ่ของจังหวัดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มีจำนวนมากขึ้น พร้อมกับยังมีความมุ่งมั่นขายผ่านช่องทางออนไลน์ควบคู่กันไป

นายภิภพ กล่าวอีกว่า หากมองภาพรวมสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ GLOBAL มีสาขาอยู่จำนวน 34 สาขา ซึ่งหากรวมสาขาในประเทศที่มีอยู่ 87 สาขาจะทำให้บริษัทมีสาขารวมกันอยู่ที่ 121 สาขา โดยสาขาในต่างประเทศแบ่งเป็นในประเทศกัมพูชา 2 สาขา, สปป.ลาว 7 สาขา เมียนมา 12 สาขา และอินโดนีเซีย 13 สาขา ทั้งนี้ จากประเทศข้างต้นบริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติม อาทิ สปป.ลาว จำนวน 2 สาขา อินโดนีเซีย อยู่ระหว่างแผนขยายสาขาในฝั่งตะวันออกและตะวันตกของประเทศ โดยตั้ง 2 ประเทศนี้คาดการณ์ว่าพร้อมเปิดสาขาใหม่ในไตรมาส 3-4 ขณะที่ในเมียนมา คาดการณ์ว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ในช่วงต้นปี 68

นายภิภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มครึ่งหลังปี 67 GLOBAL ยังคงมีทิศทางการเติบโตทรงตัวพร้อมกับคาดการณ์ว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจยังคงอยู่ในทิศทางไม่ค่อยดีมากนัก ส่วนเป้าหมายการเติบโตของกำไรขั้นต้น (Gross Profit) บริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถเติบโตอยู่ในประมาณ 26% และหากมองที่ส่วนแบ่งกำไรอื่นๆ อาทิ จากบริษัทร่วมทุนในอาเซียนส่วนใหญ่ GLOBAL จะมีกำไรมาจากประเทศเมียนมากที่สุด คิดเป็นประมาณ 70-80%

ส่วนเป้าหมายรายได้ปี 67 จากภาวะเศรษฐกิจที่กล่าวไปข้างต้น คาดการณ์ว่ารายได้จากยอดขายในปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง GLOBAL ยังมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตในส่วนของยอดขายให้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรบริษัทเชื่อว่ากำไรจะมีการเติบโตที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา

อีกทั้ง คาดการณ์ว่าจะยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจช่วยสนับสนุนการเติบโต  อาทิ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ รวมไปถึงคาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการที่ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในปี 67 นี้ GLOBAL วางงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ในการขยายสาขาใหม่ ควบคู่การปรับปรุงสาขาเดิม โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัททำการปรับปรุงสาขาเดิมนั้น เพื่อเป็นการตอบโจทย์แก่ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่าผลลัพธ์จากการปรับปรุงสาขาทำให้ GLOBAL มียอดการขายเพิ่มมากขึ้น

“หากพูดประเด็นข่าวการมาของ Temu อีคอมเมิร์ซช้อปปิ้งออนไลน์จากประเทศจีนจะส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทหรือไม่นั้น หากมองในมุมบวกแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของ GLOBAL เพราะว่าหาก Temu ต้องการขายสินค้าในประเทศไทยนั้น เขาต้องมองหาลูกค้าที่มีช่องทางการขายที่ทั่วถึง ซึ่ง GLOBAL เองนับเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับหลักๆ” นายภิภพ กล่าว

สุดท้ายนี้ในปีที่ผ่านมา GLOBAL ได้รับมอบใบรับรองฐานะการเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต โครงการ CAC และมีความุ่งมั่นในการในการปรับปรุงธุรกิจอย่างที่กล่าวไปข้างต้น รวมถึงเพื่อตอบโจทย์นโยบาย ESG อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยลดโลกร้อน หรือการเข้าไปช่วยเหลือสังคมในพื้นที่ใกล้เคียงกับบริษัท เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ

Company Snapshot

Back to top button