โบรกแนะซื้อ PRTR เป้า 6.60 บ. หลังโชว์กำไร Q2 โต 9% แตะ 57 ล้านบาท

PRTR โชว์กำไรไตรมาส 2/67 เติบโต 9% แตะ 57 ล้านบาท ขานรับธุรกิจจัดจ้างงานจากภายนอก พ่วงรับรู้กำไรธุรกิจใหม่หนุน ฟากโบรกแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ถึง บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR ภายหลังการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.50% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 9.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 51 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทำสถิติใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ ได้รับปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ได้แก่ ธุรกิจการจัดจ้างงานจากภายนอก (Outsource) ยังคงทยอยขยายพนักงานใหม่ได้อย่างต่อเนื่องตามเมกะเทรนด์การ Outsource ซึ่งจากธุรกิจค้าปลีก, อุปโภค, เครื่องใช้ไฟฟ้า, มือถือ, ธนาคาร และสถาบันการเงิน นับเป็นปัจจัยผลักดันให้พนักงาน Outsource ในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 5.30% จากไตรมาสก่อนหน้า จำนวน 18,153 คน

อย่างไรก็ตามจากตัวเลขดังกล่าวเหลือเพียง 160 คน เท่านั้นจะเท่ากับประมาณการทั้งปี 67 ของฝ่ายนักวิเคราะห์อยู่ที่ 18,313 ราย ขณะที่รายได้ต่อเดือนของพนักงานมีแนวโน้มดีที่เฉลี่ยอยู่ที่ 32,457 บาท เพิ่มขึ้น 1.80% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 6.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนธุรกิจใหม่ของ PRTR มีกำไรขั้นต้น 2 ธุรกิจ คือ การฝึกอบรม (Training) สามารถทำกำไรเติบโต 47.80% เพิ่มขึ้น 4.60% จากไตรมาสก่อนหน้าหลังขยายฐานลูกค้าใหม่ช่วงปลายปี 66 ส่วนธุรกิจระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล (HRIS platform) ทำกำไรเติบโต 30% เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อนหน้าภายหลังจากการเสนอบริการเพิ่มกับลูกค้ารายเดิมของบริษัท ขณะที่ธุรกิจ Job Platform นั้นมีผลขาดทุนเพิ่มเล็กน้อยประมาณ 0.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทคาดการณ์ทั้ง 3 ธุรกิจนี้จะขาดทุนรวมกันลดลงจากประมาณ 24 ล้านบาท ในปีก่อนเหลือประมาณ 10 ล้านบาท ในปีนี้

ขณะที่หากดูอัตรากำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 9.30% ลดลง 0.50% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งคาดการณ์จะมาจากส่วนผสมงาน Recruitment ที่ได้พนักงาน Junior มากกว่า Middle และ Executive ระหว่างไตรมาส ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารนั้นปรับตัวลดลง 0.40% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 5.70% ของรายได้จากความได้เปรียบของบริษัท (economies of scale) ส่วนต้นทุนอื่นๆ ใกล้เคียงเดิม

นอกจากนี้ หากดูทิศทางกำไรช่วงครึ่งปีแรกนั้น คิดเป็น 44.30% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่การได้ลูกค้า Outsource ใหม่ท้ายปี 67 จะทำให้ไตรมาส 3/67 กำไรจะทำสถิติใหม่ต่อก่อนเข้าสู่ไตรมาส 4/67 ซึ่งเป็นฤดูจ่ายโบนัสรวมทั้งจะเป็นปัจจัยส่งผลดีต่อบริษัทจากการเป็นโมเดลธุรกิจแบบ cost plus ทั้งนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 6.60 บาท

Back to top button