สุดเจ๋ง! ทัพนักกีฬาไทย “เทนนิส” คว้าทองสมัย 2 – ยกน้ำหนักกวาด 2 เหรียญ โอลิมปิก 2024

สุดเจ๋ง! ทัพนักกีฬาไทย "เทนนิส" คว้าทองสมัย 2 - ยกน้ำหนักกวาด 2 เหรียญ โดย”ฟ่าง“ ธีรพงศ์ ศิลาชัย คว้าเหรียญเงินในรุ่น 61 กิโลกรัมชาย ด้าน“ออย” สุรจนา คำเบ้าคว้าเหรียญทองแดงยกน้ำหนักหญิง 49 กก.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 67) ถือเป็นวันของทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ซึ่งมีนักกีฬาลงแข่งขันด้วยกัน 4 ชนิดกีฬา นั่นคือ เรือใบ , กอล์ฟ , เทควันโด และยกน้ำหนัก

โดยไฮไลท์อยู่ที่กีฬาเทควันโด เมื่อ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัม ผ่านรอบคัดเลือกมาอย่างสวยงาม ก่อนเข้าชิงชนะเลิศ กับ ชิงกัวะ นักเทควันโดชาวจีน อดีตคู่ชิงในเอเชียนเกมส์ 2022 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ซึ่งเคยมีประเด็นดราม่ากันมาแล้วก่อนหน้านี้

โดยเริ่มยกแรก ‘น้องเทนนิส’ ทำคะแนนชนะไปได้ 6-3 แต่มาในยกที่สองเป็นทาง ชิงกัวะ ที่ทำได้ดีกว่าทำคะแนนเอาชนะไป 2-3 ทำให้กลับมาเสมอกัน 1-1 ยก และต้องมาตัดสินในยกที่สาม ซึ่งทาง ‘น้องเทนนิส’ ไม่ทำให้แฟน ๆ ชาวไทยผิดหวัง ทำคะแนนเอาชนะไปได้ 6-2 รวม 3 ยกเอาชนะไป 2-1 ยก

จบเกม ‘น้องเทนนิส’ สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้และสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยติดต่อกัน และ เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เหรียญโอลิมปิก 3 สมัย

นอกจากที่สร้างเซอร์ไพร์ให้กับแฟนๆชาวไทย คือ ทีมยกน้ำหนักมีลงแข่งขัน 2 รุ่น โดยเริ่มต้นด้วย “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กิโลกรัมชาย วัย 20 ปี ลงชิงชัยโอลิมปิกสมัยแรก ซึ่งผลงานล่าสุดคว้า 1 เหรียญเงิน จากรายการ ยกน้ำหนัก “เวิลด์ คัพ” ที่ จ.ภูเก็ต

ปรากฏว่า ท่าสแนตช์  ธีรพงศ์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยกผ่านทั้งสามครั้ง 127, 130 และ 132 กิโลกรัม  ขณะที่ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ยกผ่าน 3 ครั้ง 167, 169 และ 171 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 303 กิโลกรัม คว้าเหรียญเงินมาครองได้สำเร็จขณะที่ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ยกผ่าน 3 ครั้ง 167, 169 และ 171 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 303 กิโลกรัม คว้าเหรียญเงินมาครองได้สำเร็จ

ส่วนอีกรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ไทยส่ง “ออย” สุรจนา คำเบ้า อายุ 24 ปี จาก จ.ชลบุรี เจ้าของ 3 เหรียญทอง ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี 2564 ที่กรุงทาชเคนท์ ประเทศอุซเบกิสถาน ลงลุ้นเหรียญรางวัลโอลิมปิกสมัยแรก

โดย “ออย” สุรจนา คำเบ้า เริ่มต้นที่ท่าสแนทช์ สุรจนาเรียกน้ำหนักครั้งแรกที่ 86 กก.ผ่านแบบสบายๆ ก่อนที่ในครั้งต่อมาจะเพิ่มเป็น 88 กก. แต่ยกไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามยังมาแก้ตัวในครั้งสุดท้ายได้ ทำให้มีน้ำหนักในท่าสแนทช์ 88 กก. เป็นอันดับ 3 เท่ากับ มิราไบ ชานู ไซคม จากอินเดีย ส่วนอันดับ 1 ได้แก่ มิเฮล่า วาเลนติน่า คัมเบอี จากโรมาเนีย 93 กก. และอันดับ 2 เฮา จื้อฮุ่ย จากจีน 89 กก.

จากนั้นในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก สุรจนาเรียกน้ำหนักแรกที่ 110 กก. ครั้งแรกยกผ่านฉลุย ครั้งที่สอง สุรจนายกผ่านที่ 112 กก. ส่วนครั้งสุดท้าย จอมพลังสาวไทยเรียกน้ำหนักที่ 114 กก. แม้จะยกขึ้น แต่กรรมการ 2 คนไม่ให้ผ่าน ทำให้น้ำหนักรวมของสุรจนาอยู่ที่ 200 กก. คว้าเหรียญทองแดงไปครอง

ความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยทั้ง 2 ชนิดกีฬา ทำให้ตารางเหรียญโอลิมปิก ทีมชาติไทยขึ้นมาอยู่อันดับที่ 31 มี 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง

Back to top button