ยุบพรรคก้าวไกล ไร้กระทบ “ตลาดหุ้นไทย”

จับตา " ก้าวไกลรุ่น 3 " เดินต่อยังไง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ด้วยเหตุ "ล้มล้างและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง"


ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า จำเป็นต้องสั่งยุบพรรคก้าวไกล เพื่อหยุดยั้งการกระทำล้มล้างการปกครอง โดยมีมติเอกฉันท์ 9 : 0 และ ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ มองประเด็นดังกล่าวว่า การสั่งยุบพรรคก้าวไกล ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้นไทย คำตัดสินข้างต้นไม่เหนือความคาดหมายของตลาดและนักลงทุน ส่วนตัวมองว่า ตลาดหุ้นยังไม่นิ่ง เพราะปัจจัยการเมือง ยังต้องรอดูคดีถอดถอนนายก ที่จะตัดสินในวันที่ 14 ส.ค. นี้ สถานการณ์ขณะนี้ มองกรอบ SET Index รีบาวนด์ยังจำกัดในระยะสั้น ไม่เกิน 1,300 จุด ส่วนภาพรวมตลาดหุ้น จะดีขึ้นหรือไม่ ต้องรอดูสถานการณ์ทางการเมืองชัดเจนกลางสัปดาห์หน้าเป็นหลัก

ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้งกรรมการบริหาร 11 คน เป็นระยะเวลา 10 ปี พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของ SET Index วานนี้ (7 ส.ค. 67) เห็นได้ว่าไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ยังเหลือการรอฟังคำวินิจฉัย กรณีคำร้องให้ถอดถอน นายกฯ เศรษฐา ในวันพุธหน้า (14 ส.ค.67) กรณีเลวร้าย โดยเชื่อว่าจะเกิดสุญญากาศทางการเมืองไม่นานจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันแน่น ซึ่งก็น่าจะทำให้การชะงักของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ มีไม่มาก แต่หากในกรณีที่ นายกฯเศรษฐา ไม่ถูกถอดถอน SET INDEX ก็น่าจะตอบสนองเชิงบวก

ส่วนด้าน บล.กรุงศรี ระบุว่า กรณีประเด็นศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไม่มีผลกับตลาดหุ้นไทย แต่ SET กลับลงมาสะท้อนความกังวลล่วงหน้าไปแล้ว

นอกจากนี้ บล.ดาโอ ระบุว่า ศาลฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกล ผลที่ออกมามีผลต่อตลาดไม่มาก เพราะนักลงทุนเตรียมรับข่าวนี้ไว้แล้วก่อนหน้า และยังต้องติดตามว่า กรณีของ 44 สส.ของพรรคก้าวไกลที่ขอแก้ ม.112 จะถูกยื่นฟ้องด้วยหรือไม่…  จากนี้ไป แต่ตลาดจะกลับมาให้น้ำหนักกับกรณีของ นายกฯ มากกว่า ซึ่งศาลฯนัดวินิจฉัยวันที่ 14 ส.ค. นี้ หากนายกฯ ไม่ถูกตัดสินพ้นจากตำแหน่ง อาจช่วยให้ตลาดปรับตัวกลับขึ้นมาได้บ้าง

สำหรับตลาดหุ้นไทยปิด ณ วานนี้ (7 ส.ค.67) อยู่ที่ระดับ 1,290.55 จุด บวกไป 16.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,025.79 ล้านบาท

ก้าวไกล รุ่น 3 โตต่ออย่างไร

จับสัญญาณทางการเมืองแล้ว หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ด้วยเหตุ “ล้มล้างและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง” อย่างแรก ที่สะท้อนออกมาชัดเจน และเป็นคำถามอยู่คือ “ก้าวไกลจะเดินหน้ายังไงต่อ และในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ ” จะทำหน้าที่ให้มี “ศักยภาพและประสิทธิภาพ” เหมือนเดิมหรือไม่

โดยภาพรวมทางการเมือง แน่นอนว่าฝ่ายค้านอ่อนแอลง เนื่องจากจำนวน สส.ที่ลดลง และ แกนนำคนสำคัญของพรรคฝ่ายค้านหดหายไปเรื่อย ๆ และ ครั้งนี้จะเหลือ สส.สีส้ม อย่างเนื้อแท้ประมาณ 70 คน ผลมาจากคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลแล้ว และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค

สำหรับคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรครุ่นที่ 3 ก็ได้เห็นกันแล้วจากการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ที่พรรคก้าวไกล ว่า น่าจะไม่พลิกโผ ต้องเป็นชื่อ “ศิริกัญญา ตันสกุล” ถือธงนำ  ส่วนเลขาธิการพรรคนั้นจะต้องเป็นคนที่มีบารมี มีการเจรจา มีการยึดโยงอยู่กับกลุ่มทุนของพรรคไปด้วย มีการประเมินว่า อาจจะเป็น “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หรือ “ศรายุทธ ใจหลัก” ซึ่งคอการเมืองมองไปถึงความใกล้ชิดกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ในส่วนของการขับเคลื่อนต้องบอกว่า หลังจากนี้ไปก้าวไกลจะขับเคลื่อนอะไรบ้าง คงต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการแตะต้องสถาบันฯ ที่เป็นเรื่องที่ต้องตระหนักและระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม

ก้าวไกล “ตายสิบเกิดแสน – ล้มแล้ว ลุกเร็ว ”

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ยุบพรรค เพียงวันเดียว พรรคก้าวไกลได้ประกาศ พร้อมตั้งพรรคใหม่ และ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ส.ค.นี้  สิ่งนี้เป็นตัวสะท้อนว่า ตลอดระยะเวลาที่พรรคก้าวไกลต่อสู้คดียื่นยุบพรรค มีการเตรียมการและอ่านเกมออกตั้งแต่ต้นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาแบบนี้

ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  มองปรากฎการณ์ ยุบพรรคก้าวไกล ว่า การยุบพรรค ถือเป็น “เครื่องมือทางการเมือง ” ของชนชั้นนำในการลดทอนพลังของพรรคการเมืองที่ “ มีประสิทธิภาพ-ทรงพลัง-ใช้ได้ผลจริง ” เปรียบเสมือน การลอกกาวของความเหนียวแน่นภายในพรรค เพราะ ทุกครั้งที่พรรคถูกยุบ จะมีแกนนำพรรคบางส่วนถูกตัดสิทธิทางการเมือง แม้ในที่สุดบางคนจะกลับมาได้ แต่บางกลุ่มก็กระเซ็นกระสายออกไปและยากจะดึงกลับมา

“ ก้าวไกล อาจเป็นพรรคที่มีบทเรียนเคยถูกยุบพรรค จากครั้งพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว จึงเตรียมรับมือได้อย่างไว แต่ใช่ว่าทุกพรรคการเมือง ที่ถูกยุบพรรค จะตั้งตัวได้ไว แบบก้าวไกล ” ศ.ดร.สิริพรรณ กล่าวทิ้งท้าย

สื่อนอก ตีข่าว ประชาธิปไตยไทยถอยหลัง

สำนักข่าวจากต่างประเทศ เช่น บีบีซี (BBC) รอยเตอร์ส (Reuters) ซีเอ็นเอ็น (CNN) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยของศาลฯในครั้งนี้ ดังนี้

รอยเตอร์ส รายงานว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลถือเป็นการถดถอยครั้งใหญ่ของประชาธิปไตยไทย รวมถึงการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคอย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักการเมืองที่มาแรงที่สุดในปัจจุบัน และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

รอยเตอร์ ระบุอีกว่า พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งโดยได้รับคะแนนเสียงมากเป็นอันดับหนึ่ง และมีที่นั่งในสภาถึง 151 ที่นั่ง แม้จะชนะอย่างเด็ดขาด แต่พรรคก้าวไกลกลับถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลในสภา จนในที่สุด พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้คะแนนเสียงมากเป็นอันดับสองได้แยกออกมาจัดตั้งรัฐบาลเอง และการยุบพรรคก้าวไกลครั้งนี้ นับเป็นการพรากสิทธิ์เลือกตั้งทั้ง 14 ล้านเสียง

บีบีซี รายงานว่า สมาชิกวุฒิสภาซึ่งมากจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร มีส่วนสำคัญในการกีดกันไม่ให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยอ้างว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายบางประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้กฎหมายอาญาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือมาตรา 112

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า การตัดสินยุบพรรคก้าวไกลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทยจะส่งผลร้ายแรงครั้งใหญ่ต่อความเคลื่อนไหวของฝ่ายก้าวหน้า

Back to top button