TEKA เด้ง 8% ขานรับงบ Q2 กำไรโต 1 เท่าตัว-ตุนแบ็กล็อก 3.2 พันล้านบาท
TEKA เด้ง 8% หลังโชว์งบไตรมาส 2/67 กำไรโตกว่า 1 เท่าตัว แตะ 47 ล้านบาท รับอานิสงส์บริหารจัดการควบคุมต้นทุนวัสดุหลักได้ดีขึ้น อีกทั้งบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 3,160 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ส.ค. 2567) ราคาหุ้น บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA ณ เวลา 12:30 น. ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 2.22 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 7.77% สูงสุดที่ระดับ 2.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.18 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.30 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตอบรับข่าว หลังจาก นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEKA กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2 ปี 2567 กำไรสุทธิ 46.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.40% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 20.49 ล้านบาท
โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 88.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.39% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ปี 2567 และไตรมาส 2 ปี 2566 เทียบกับรายได้จากการก่อสร้างอยู่ที่ 20.37% และ 12.78% ตามลำดับ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.22% เนื่องจากบริษัทฯ บริหารจัดการควบคุมต้นทุนวัสดุหลักได้ดีขึ้น เช่น ค่าเหล็ก ค่าคอนกรีต เป็นต้น รวมถึงปรับลดต้นทุนการดำเนินงานอื่นๆ อาทิ เช่น ปรับลดงบการรับประกันผลงานลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เติบโตได้อย่างดีเยี่ยม
ขณะที่รายได้จากการก่อสร้าง 432.30 ล้านบาท ลดลง 6.24% จากงวดเดียวกันของปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 461.05 ล้านบาท สาเหตุมาจากโครงการของบริษัทฯ ที่ดำเนินงานอยู่ในช่วงส่งมอบงานช่วงสุดท้ายเป็นส่วนใหญ่ โดยโครงสร้างรายได้ทั้งหมดมาจากงานภาคเอกชน คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งปีหลังตามความสำเร็จของงาน และการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1ปี 2567 และไตรมาส 2 ปี 2567 สนับสนุนให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2567 TEKA มีกำไรสุทธิ 88.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.58% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 36.72 ล้านบาท ขณะที่ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 163.50 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.33% สูงกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อนอยู่ที่ 51.14 ล้านบาท มาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น และมีรายได้จากการก่อสร้างจำนวน 1,001.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.41% จากงวดเดียวกันของปี 66 มีรายได้อยู่ที่ 845.58 ล้านบาท ตอกย้ำภาพรวมธุรกิจของบริษัทมีทิศทางสดใส เดินหน้าสู่เป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโต 5-10% ตามแผน ขณะที่รักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ที่ 10-15% สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมี Backlog อยู่ที่ราว 3,160 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้รายได้ในช่วงปี 2567-2568 แบ่งเป็นรับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลัง 1,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป และยังมีการมุ่งหวังจะเพิ่ม Backlog งานก่อสร้างใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีงานที่ยื่นประมูลกว่าหมื่นล้านบาท คาดว่าได้รับงานใหม่เข้ามาในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,600 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกได้รับงานแล้ว 1,600 ล้านบาท คาดว่าครึ่งปีหลังอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนรายได้ปี 67 เติบโตตามแผนที่วางไว้
สำหรับกลยุทธ์ที่บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาเพื่อรักษาและเสริมสร้างความไว้วางใจ จะมุ่งเน้น 3 ส่วน ได้แก่ Business Growth โดยรักษาฐานลูกค้าเดิม หาตลาดงานก่อสร้างใหม่ๆ ลงทุนขยายธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต และบริหารความเสี่ยงเพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ในด้าน Smart People มีการปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งพัฒนาบุคลากร และบริหารกำลังพลให้มีประสิทธิภาพ และ Innovative Culture พร้อมสร้างและพัฒนาองค์กรด้วยนวัตกรรม ตอกย้ำผู้นำด้านการก่อสร้างอาคารชั้นนำของประเทศ