PTG รับรู้รายได้ “Oil-นอนออยล์” พุ่ง หนุนกำไร Q2 แตะ 466 ล้านบาท โต 3 เท่าตัว
PTG โชว์กำไรไตรมาส 2/67 แตะ 465.52 ล้านบาท เติบโต 318% รับรู้รายได้ของธุรกิจ Oil และธุรกิจ Non-Oil เติบโตแข็งแกร่ง
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 และงวด 6 เดือนแรกปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัทฯรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 465.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 318.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 111.23 ล้านบาท
โดยบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 57,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้าหลัก ๆ มีปัจจัยมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้เติบโตที่ 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 5.3% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 53,622 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้อยู่ที่ 4,153 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 24.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งมีสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ Oil อยู่ที่ 92.8% และธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 7.2%
ทั้งนี้บริษัทยังมีรายได้จากการขายและการให้บริการธุรกิจ Oil ในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 53,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 5.3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเปลี่ยนแปลงของรายได้ดังกล่าวสามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้
1.ในไตรมาส 2/2567 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 11.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1,716 ล้านลิตร และมีปริมาณใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริกำร PT ที่เติบโต 13.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขิ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตจากปีก่อนหน้ามีปัจจัยหลักมาจาก การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same-Store-Sales) ทั้งจากลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ทางบริษัทฯ สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT เพิ่มขึ้นเป็น 22.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจำกช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าที่สัดส่วน 19.5% และไตรมาสก่อนหน้าที่ 21.8%
ทั้งนี้บริษัทฯ เน้นการปรับปรุงสถานีบริการเดิมให้มีความสะอาด ทันสมัยและครบครันมากขึ้น รวมถึงขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพสูงเท่านั้น จึงส่งผลให้มีอัตราการเติบโตในการขยายสถานีบริการไม่สูงมากนัก เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 2,208 สถานี
2.ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 31.25 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น5.6% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับราคาขายหน้าสถานีบริการระหว่างไตรมาส ทั้งนี้ รายได้จากการขายและการให้บริการจากธุรกิจ Oil คิดเป็นสัดส่วน 92.8% ของรายได้จากการขายและการให้บริการทั้งหมด
ส่วนรายได้จากการขายและการให้บริการธุรกิจ Non-Oil ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 4,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อนห้า โดยปัจจัยที่เป็นตัวสนับสนุน ได้แก่
1.ธุรกิจก๊าซ LPG ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATL มีรายได้เพิ่มขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 2,305 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโต 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 174 ล้านลิตร ประกอบกับมีราคาขายเฉลี่ยที่ 13.27 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ใกล้เคียงเดิมจากไตรมาสก่อน
ในส่วนของการเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG โดยรวมยังคงมาจากกลุ่ม Auto LPG ที่เติบโต 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 124 ล้านลิตร จากการดำเนินโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” ด้วยเป้าหมายในการสร้างความ “อยู่ดี มีสุข” ให้กับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิตและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับมีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus โดยบริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 1 ในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 29.8% และมีจำนวนสถานีบริการ Auto LPG อยู่ที่จำนวน 246 สถานี
ทั้งนี้สำหรับกลุ่มครัวเรือนยังคงเพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.6% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 37 ล้านลิตร โดยการเพิ่มขึ้นของยอดขายดังกล่าว มีปัจจัยหลักมาจากการขยายสาขาร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) ที่เติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาสก่อนห้าอยู่ที่ 348 สาขา รวมถึงการสั่งซื้อที่มากขึ้นของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากการลดลงจากปัจจัยทางที่สอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยวที่มีการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากปัจจัยทางฤดูกาล
2.ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้จากการขายและการบริการเท่ากับ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,028 สาขา เพิ่มขึ้น 46.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 8.6% จากไตรมาสก่อนหน้าประกอบกับมีการกลับมาใช้บริกรของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus อย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 2/2567 บริษัทมีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 2,315 สาขา เพิ่มขึ้น 510 สาขาหรือเติบโต 28.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 104 สาขา หรือคิดเป็นการเติบโต 4.7% จากไตรมาสก่อนหน้าทั้งนี้รายได้จากธุรกิจ Non-Oil คิดเป็นสัดส่วน 7.2% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6.6% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน