เปิดโผงบ Q2 กลุ่ม “ยางพารา” กำไรแจ่ม! TEGH โตกระฉูด 27 เท่าตัว

5 หุ้นกลุ่มยางพารา STA-STGT-NER-TEGH โชว์งบการเงินไตรมาส 2/67 และงวด 6 เดือนแรกปี 2567 เติบโตแกร่ง ขณะที่ TRUBB ขาดทุนลดลง ฟากโบรกฯ คาด STA-TEGH-NER ครึ่งปีหลังยังเติบโตแกร่ง รับอานิสงส์ส่งมอบยางมาตรฐาน EUDR


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมผลประกอบการงวดประจำปีไตรมาส 2/2567 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ในกลุ่มยางพารา อาทิ STA, STGT, NER, TEGH และTRUBB พบว่าสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,733.33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.56 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ รวมถึงรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 164.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 106.12 ล้านบาท

บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 378.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,392.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 15.18 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ขายจากถุงมือยาง รวมถึงต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายปรับตัวลดลง

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนปีแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 525.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256.02% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 147.51 ล้านบาท

บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 628.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 471.29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้น โดยเป็นผลหลักจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจยางธรรมชาติ สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากลูกค้าผู้ผลิตยางล้อกลุ่ม non-China ส่งผลให้ราคายางพาราในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 298.74 ล้านบาท ลดลง 24.93% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 397.93 ล้านบาท

บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 20.54 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้น 79.26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันนของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 99.03 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากรายได้ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงต้นทุนปรับตัวลดลง

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 75.06 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้น 56.67% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 173.21 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายนักวิเคราะห์บางส่วนได้ทยอยออกบทวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังยังคงเติบโตแข็งแกร่งเช่นเดิม คาดการณ์ได้รับอานิสงส์ส่งมอบยางมาตรฐาน EUDR เพิ่มมากขึ้น

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER  รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 478.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.71% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 457.21 ล้านบาท เป็นผลมาจากต้นทุนในการจัดจําหน่ายลดลง และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าลดลง

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 932.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.84% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 771.59 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายนักวิเคราะห์บางส่วนได้ทยอยออกบทวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังยังคงเติบโตแข็งแกร่งเช่นเดิม คาดการณ์ได้รับอานิสงส์ส่งมอบยางมาตรฐาน EUDR เพิ่มมากขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่ายังคงคาดการณ์กำไรปี 2567 ของ STA อยู่ที่ 2.32 พันล้านบาท และในปี 2568 คาดการณ์กำไรอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท โดยมียอดสั่งซื้อยาง EUDR รอส่งมอบอีก 7,000 ตัน

อีกทั้งยังได้รับดีมานด์จากยุโรปจะเป็นแรงหนุนยอดขายในอนาคต เนื่องจาก STA ผ่านมาตรฐาน EUDR ส่งผลให้สามารถดึงยอดขายมาจากผลิตยางที่ไม่ผ่านมาตรฐาน EUDR ได้ และ คาดกลุ่มลูกค้าจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะมาซื้อยางมาตรฐาน EUDR เช่นกัน โดยยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมายที่ 23.80 บาท

ขณะเดียวกัน คาดการณ์กําไรของ TEGH ในครึ่งหลังของปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมากจากครึ่งปีแรก โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากปริมาณขายของธุรกิจยางที่ชะลอในไตรมาส 2/2567 จะเลื่อนมาส่งมอบในไตรมาส 3/2567 ทําให้คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ในแง่ของราคาขายคาดจะได้รับผลบวกจากการส่งมอบยางมาตรฐาน EUDR ซึ่งสูงกว่ายางแท่ง ปกติ บวกกับคาดธุรกิจปาล์มจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังเช่นกัน หลังคาดปริมาณผลผลิตปาล์ม เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ของ NER คาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตยางจะเริ่มออกมามากขึ้นหลังจากสภาพอากาศเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้การขายทำได้มากขึ้น ซึ่งล่าสุดทางผู้บริหารคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นขึ้นเป็นระดับ 240,000 ตัน

อย่างไรก็ตามแม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นแต่ด้วยฐานที่ต่ำในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ทำให้เป้าการขายทั้งปี ปรับลดลงเหลือ 440,000 ตัน จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 500,000 ตัน ขณะที่แนวโน้มในปี 2568 ยังต้องติดตามภาพรวมอีกครั้งว่าปริมาณยางจะออกมามากน้อยเพียงใด และทำให้การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ยังคงชะลอไปก่อน

สำหรับยาง EUDR ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำระบบแผนที่เพาะปลูกคาด ว่าจะเริ่มขายได้ในเดือนกันยายนนี้ แต่ปริมาณขายยังไม่มากนัก โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท

Back to top button