NER บวกต่อ 3% เก็งรับปันผล 0.05 บ. ขึ้น XD 23 ส.ค.นี้! หลังครึ่งปีแรกกำไร 932 ล้านบาท
NER บวกต่อ 3% เปิดงบครึ่งแรกปี 67 กำไร 932 ล้านบาท โต 8% รับราคายางมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลให้บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท ขึ้น XD 23 ส.ค. กำหนดจ่าย 6 ก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ส.ค. 67) ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ณ เวลา 11:30 น. อยู่ที่ระดับ 4.84 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 2.98% สูงสุดที่ระดับ 4.84 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.76 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.47 ล้านบาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เป็นเงินสดในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 92.38 ล้านบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 26 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2567
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 205,071 ตัน ลดลง 51,981 ตัน หรือลดลง 20.22% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 12,351.07 ล้านบาท ลดลง 460.90 ล้านบาทหรือลดลง 3.60% โดย 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 932.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.55% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 160.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.84%
โดยรายได้จากการขายงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 ที่มีการปรับตัวลดลงจากผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเป็นสำคัญ ทำให้สัดส่วนยอดขายต่างประเทศลดลงเหลือ 22% จาก 38% ในปี 2566
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 90,451 ตัน ลดลง 39,028 ตัน หรือลดลง 30.14% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 5,809.22 ล้านบาท ลดลง 748.36 ล้านบาทหรือลดลง 11.41% ซึ่งการลดลงของรายได้จากการขายเป็นการลดลงด้านปริมาณอยู่ที่ 1,976.58 ล้านบาท และเป็นการเพิ่มขึ้นด้านราคาอยู่ที่ 1,228.23 ล้านบาท
ด้านกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2 ปี 2567 เท่ากับ 478.75 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.24% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.71%
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากรับได้ปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมถึงไตรมาส 4 ปี 2567 แล้ว ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ จะเริ่มส่งออกยางมาตรฐานสหภาพยุโรป (อียู) ที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งบริษัทจะมีการส่งออกยาง EUDR ล็อตแรกให้บริษัทยางสัญชาติจีนในเดือนสิงหาคม 2567 และส่งออกมากขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2567
สำหรับแนวโน้มการส่งออกยางพารายังดีอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์พบว่า การส่งออกยางพาราขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกัน โดยครึ่งปีแรกขยายตัว 30.6% ซึ่งการเติบโตจะมาจากตลาดจีนที่มีความต้องการยางพาราที่มากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อยางพาราเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับสต๊อก อีกทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ในต่างประเทศก็มีทิศทางที่ดีก็เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทฯ ได้ด้วย