JMART ปักธงปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” หลัง SINGER-SGC ฟื้น! JMT ผ่านจุดต่ำสุด
JMART ปักธงปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” หลัง SINGER-SGC ฟื้นแกร่ง! รับธุรกิจใหม่ Locked Phone ดาวรุ่งพุ่งแรงหนุน ฟาก JMT ผ่านจุดต่ำสุด ส่งซิกครึ่งหลังโตเด่น-จ่อปิดดีล JV AMC แบงก์ใหญ่อีกราย ด้าน “สุกี้ ตี๋น้อย” ส่งกำไรเสริมทัพต่อเนื่อง ตอกย้ำฐานะการเงินแข็งแกร่ง มั่นใจการชำระคืนหุ้นกู้ได้ตามกำหนดแน่นอน
นาย อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 13 ส.ค.67 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 339.71 ล้านบาท จากงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 611.22 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกพลิกกำไรสุทธิ 575.53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 905.95 ล้านบาท
สืบเนื่องจากในครึ่งปีแรกไม่มีรายการผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากสินทรัพย์ทางการเงินอื่น และไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม สะท้อนการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ที่ไม่มีการตั้งสำรองก้อนใหญ่แล้ว ขณะที่ธุรกิจใหม่เทคโนโลยี Locked Phone สามารถสร้างการเติบโตได้ตามที่วางไว้ ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงที่รัดกุม
“อย่างไรก็ตามหากสังเกตทิศทางผลกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ระดับ 293 ล้านบาท,ไตรมาส 4/65 กำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท และไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 236 ล้านบาท และไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 340 ล้าน บริษัทสามารถทำกำรพลิกกลับมาเป็นบวก 4 ไตรมาส ยอดรวมกำไรอยู่ที่ระดับ 1,035 ล้านบาท ตรงสนี้สามารถพิสูจน์ว่า เราเดินตามแผน แก้เกม และกลยุทธ์การเติบโตที่วางไว้จะค่อยๆ ส่งกำไรกลับมาให้บริษัท “เทิร์นอะราวด์” และกลับเข้าสู่ภาวะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในอนาคต บริษัทในกลุ่มบริหารหนี้ของ JMT แต่ทิศทางจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังและปีหน้า พัฒนาการที่ดีขึ้นของ SINGER และ SGC โดยเรายังชูสินเชื่อ SG Finance+ ผลักดันแคมเปญ Locked Phone เป็นดาวดวงใหม่อีกดวง อย่างไรก็ดี สำหรับสุกี้ ตี๋น้อย ยังคงเป็นบริษัทที่ส่งกำไรกลับมาให้ JMART ในไตรมาสนี้อย่างแข็งแรง” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2567 ยังมองเป็นเป็นบวก โดยเฉพาะบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ที่มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/67 โดยบริษัทยังคงมองทิศทางครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก โดยยังคงตั้งเป้าหมายในการจัดเก็บกระแสเงินสดให้เพิ่มขึ้น ด้วยการติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด และเพิ่มกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งคาดว่า ECL จะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้ และคาดจะเห็นผลยอดจัดเก็บกลับเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้หลังจากบริษัทมี JV AMC กับธนาคารกสิรไทย (KBANK) คือ บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) แล้วบริษัทมีแผนตั้ง JV AMC แห่งที่ 2 โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 4/67 โดยการจับมือดังกล่าวเป็นสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยหนี้ที่จะเข้าซื้อส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ดีลนี้หากสำเร็จเราจะได้หนี้ก้อนแรกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และหลังจากนั้นจะมีหนี้ทยอยเข้ามาทุกไตรมาส คาดจะทำให้ JMT เติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ประสบความสำเร็จในการเปิดศูนย์การค้า JAS Green Village ประเวศ เป็นแห่งที่ 7 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สนับสนุนกำไรเติบโตก้าวกระโดด และคาดจะเปิดอีก 1 แห่งที่รามคำแหงภายในไตรมาส 3 ปีนี้
“เพราะฉะนั้นกลุ่มเจมาร์ทในไตรมาส 3 ในไตรมาส 4 เชื่อว่าจะแข็งแรงมากกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 2 เป็นภาพที่อยากให้ทุกท่านติดตาม และบริษัทขอย้ำการทำงานของกลุ่มยังทำงานโดย synergy ยังขับเคลื่อนด้วยกองทัพด้วยแม่ทัพ ที่แข็งแรง และจะส่งผลกำไรชัดเจนมากขึ้นมากขึ้นในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 และในปีหน้าก็จะชัดเจนมากขึ้น” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นอกเหนือจากการให้ความสำคัญทางด้านทิศทางธุรกิจแล้วบริษัทยังให้ความสำคัญกับสถานะการเงินของบริษัทโดย ณ สิ้นไตรมาส 2/67 สถานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง โดยเห็นได้จาก IBD/E อยู่ที่ระดับ 0.67 เท่า และมีสินทรัพย์อยู่ที่ระดับ 59,914 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมอยู่ที่ระดับ 26,387 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 33,528 ล้านบาท เนื่องจากกำไรของกลุ่มบริษัทเจเมาร์ทมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เดียวกันกลุ่มเจมาร์ทยังคำนึงในเรื่องของกระแสเงินสด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นกู้มีความปั่นป่วนอย่างมากด้วยหลายๆปัจจัย แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังให้ความเชื่อมั่นเนื่องจากการเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 1,500 ล้านบาท บริษัทสามารถเสนอขายได้มูลค่า 1,353 ล้านบาท อย่างไรก็ตามไม่กระทบการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดวงเงิน 2500 ล้านบาท ในวันที่ 12 ก.ย.67 และจะครบในเดือนเม.ย.ปี 68 วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพราะดูจากงบการเงินของกลุ่มเจมาร์ท และการเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ และแหล่งเงินจากการปันผล และกระแสเงินสดและกลุ่มเงินลงทุนต่างๆ ยังคงมีเพียงพอที่จะชำระหนี้ที่จะครบกำหนด ซึ่งตรงนี้ผู้ถือหุ้นกูไม่ต้องกังวลทางบริษัทจะรักษาเครดิตให้เป็นอย่างดี
“ทั้งนี้กลุ่มเจมาร์ทยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้การดำเนินงานร่วมกันของกลุ่มบริษัทย่อยและร่วม โดยมี 6 สายธุรกิจหลัก ที่เน้นการประกอบธุรกิจหลักในธุรกิจค้าปลีก และการเงิน ด้วยเทคโนโลยี ปักธงปีนี้ผลงานเทิร์นอะราวด์ตามนัด พร้อมกับฐานะการเงินที่แข็งแกร่งในการชำระคืนหุ้นกู้ได้ตามกำหนดแน่นอน” นายอดิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สรุปข้อมูสำคัญของข้อมูลจดทะเบียน (Company Snapshot)