โบรกชี้ “วายุภักษ์ 1” ระดมทุน 1.5 แสนล้าน หนุน SET บวกได้ราว 8%

โบรกชี้ “กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง” จะสามารถระดมทุนได้ 1.5 แสนล้านบาทตามเป้า ผลักดันตลาดได้ในระยะสั้น ลุ้นเม็ดเงินจะมีขนาดราวๆ 1% ของมาร์เก็ตแคปทั้งหมดใน SET ซึ่งจะช่วยดันดัชนีได้ราว 8% เริ่มเดินหน้าลงทุนในไตรมาส 4/2567


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ โดยเชื่อว่าการขายหน่วยลงทุนประเภท ก. “กองทุนรวมวายุภักษ์ 1” จะสามารถระดมทุนได้ 1.5 แสนล้านบาทตามเป้าเนื่องจากมีนโยบายสนับสนุนของกองทุนที่ค่อนข้างน่าดึงดูด โดยฝ่ายวิเคราะห์ระบุถึงการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำที่ถึงแม้จะยังไม่มีการประกาศตัวเลขผลตอบแทนออกมา แต่เชื่อว่าจะเป็นแรงจูงใจให้กับนักลงทุนที่ต้องการมีผลตอบแทนที่คงที่ โดยที่การันตีขั้นต่ำควรจะต้องมีผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตร 10 ปีของรัฐบาลที่อยู่ที่ 2.6% ในปัจจุบัน

โดยแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่ากองทุนจะมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่มีผลตอบแทนสูง ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งตลาดหุ้นในประเทศไทยนั้นเป็นตลาดที่มีอัตราปันผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว โดย 28 หุ้นที่อยู่ใน SET 50 นั้นมีอัตราปันผลตอบแทนที่สูงกว่า 3%

ในส่วนของหุ้นที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าน่าจะครอบคลุมถึงหุ้นเกือบทั้งหมดที่อยู่ในดัชนี

ทั้งนี้ KKPS คาดว่าผู้จัดการกองทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์น่าจะให้น้ำหนักไปยังหุ้นขนาดใหญ่ เหมือนกับกองทุนรวมวายุภักษ์ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการจำกัดความเสี่ยง โดยในขณะนี้ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางบริษัทรัฐวิสาหกิจ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ระบุว่ายังต้องรอติดตามว่าเทรนด์ดังกล่าวจะยังดำเนินต่อไปหรือไม่ ซึ่งคาดการณ์ว่าผู้จัดการกองทุนน่าจะต้องการกระจายความเสี่ยงออกจากรัฐวิสาหกิจ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทรัฐวิสาหกิจต่างๆ แต่ยังคงอำนาจในการควบคุมไว้อยู่

โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการระดมทุนจะช่วยผลักดันตลาดได้ในระยะสั้น และคาดว่าจะเม็ดเงินจากกองทุนจะมีขนาดราวๆ 1% ของมาร์เก็ตแคปทั้งหมดใน SET ซึ่งจะช่วยดันดัชนีได้ราว 8% โดยผลกระทบต่อตลาดหุ้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงหนึ่งเดือนแรก และจะค่อยๆอ่อนลงเมื่อเวลาผ่านไป

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากองทุนจะเริ่มเดินหน้าลงทุนในไตรมาส 4/2567 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่งบประมาณของปี 2567 จะเห็นผลอย่างเต็มที่ รวมถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเริ่มใช้งาน และช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่สี่จะปรับตัวสูงขึ้นได้

Back to top button