AWC กวาดกำไร Q2 กว่า 1.2 พันล้าน ขานรับธุรกิจ “โรงแรม” โตเด่น
AWC โชว์ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/67 มีกำไร 1,246 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่งรับกลุ่มโรงแรมเติบโตก้าวกระโดด ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ประกาศผลประกอบการตามงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 67 มีรายได้รวม 4,839 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ที่ 2,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการยังเดินหน้าสร้างกำไรจากการดำเนินงาน (Hotel EBITDA) ได้แข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 823 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 จากผลประกอบการอันโดดเด่นของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เติบโตดีขึ้นในทุกเซ็กเมนต์ ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) 5,409 บาทต่อคืน และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับโรงแรมเดิมในปี 2566 และแข็งแกร่งเหนือตลาดในทุกเซ็กเมนต์ถึงร้อยละ 175
ขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ยังเติบโตต่อเนื่องแม้ภาพรวมของตลาดจะมีการแข่งขันสูง โดยมียอดการปล่อยพื้นที่เช่าใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 16,000 ตารางเมตร (ย้อนหลัง 12 เดือน) ด้วยกลยุทธ์แนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ Co-Living Collective: Empower Future สร้างประสบการณ์เชื่อมต่อ Work Play Live Share มาสร้างให้อาคารสำนักงานของกลุ่มเป็น Work Place Destination รวมถึงเดินหน้าเพิ่มทรัพย์สินดำเนินงาน (Operating Asset) เป็นร้อยละ 77 ของทรัพย์สินรวม ทำให้ทรัพย์สินดำเนินงานในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่ากว่า 145,000 ล้านบาท เสริมความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 179,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 ปี 2562
พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอด้วยการเปิดโครงการคุณภาพสนับสนุนการเป็น Lifestyle Destination อาทิ โครงการ “Phenix” สู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารครบวงจรระดับโลก โครงการ “The Pantip Lifestyle Hub” ใจกลางเมืองเชียงใหม่ สนับสนุนการเป็น Lifestyle Destination และ “Teeshot Bar” ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค เสริมโมเดล Lifestyle MICE เสริมการเติบโตของกลุ่ม MICE ได้อย่างแข็งแกร่ง และเสริมศักยภาพของทรัพย์สินในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (RAMP UP) มาสู่ระดับดำเนินงานปกติ (BAU)
ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) โดยปัจจุบัน AWC มีจำนวนห้องพักทั้งหมดรวม 6,029 ห้อง เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 76 เทียบกับก่อนโควิด-19 และในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 AWC สร้างผลการดำเนินงานและมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว ด้วยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ
โดยเฉพาะโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ที่โดดเด่นในไตรมาสนี้จากความสามารถในการรองรับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น เสริมด้วยการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยว FIT เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 76 ของยอดจองห้องพัก ซึ่งนับเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมท่องเที่ยวแบบอิสระด้วยตัวเองสอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน
รวมทั้งศักยภาพในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพจากทั่วโลกร่วมกับพันธมิตรโรงแรมชั้นนำ โดย AWC มีรายได้กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการอยู่ที่ 2,597 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตราการเข้าพักโรงแรมเติบโตเป็นร้อยละ 66.4 และมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) 5,409 บาทต่อคืน โดยโรงแรมในทุกเซ็กเตอร์ยังคงมีผลการดำเนินการที่แข็งแกร่ง
สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของนักท่องเที่ยวด้วยยอดจองล่วงหน้าของโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 จากยอดจองล่วงหน้าในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอของ AWC อยู่ในตำแหน่งผู้นำในตลาดสะท้อนจากดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเท่ากับ 114 (เทียบกับโรงแรมเดิมในปี 2566) และมีโรงแรมที่มีค่า RGI โดดเด่น
อาทิ โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 202 โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 177 โรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล มีค่า RGI เท่ากับ 168 และโรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ มีค่า RGI เท่ากับ 151 สะท้องถึงความมุ่งมั่นของการพัฒนาโครงการคุณภาพระดับโลก และการวางเป้าหมาย Top Ranking ของกลุ่มตลาดทางตรง เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งท่องเที่ยวยั่งยืน
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ยังคงมีผลการดำเนินงานและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย AWC เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดให้แก่ทุกทรัพย์สิน สอดรับความต้องการของลูกค้าและผู้เช่าอยู่เสมอ มุ่งสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ (Lifestyle Destination) รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างสีสันทางการตลาดร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของลูกค้า พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ขณะที่กลุ่มอาคารสำนักงานมียอดการปล่อยพื้นที่เช่าใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 16,000 ตารางเมตร (ย้อนหลัง 12 เดือน) ด้วยกลยุทธ์แนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ Co-Living Collective: Empower Future มาสร้างให้อาคารสำนักงานของกลุ่มเป็น Work Place Destination โดยผลดำเนินงานตามงบการเงินของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 2,481 ล้านบาท โตขึ้นร้อยละ 14 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) อยู่ที่ 2,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน