BIS ท็อปฟอร์ม! รายได้ครึ่งปี “นิวไฮ” ทะลุพันล้าน ดันกำไรโต 71% เคาะปันผล 0.05 บาท

BIS ท็อปฟอร์ม! รายได้ครึ่งปีแรก “นิวไฮ” ทะลุ 1.2 พันล้านบาท ดันกำไรโต 71% แตะ 31 ล้านบาท กางแผนครึ่งปีหลังเตรียมเปิดแพลตฟอร์ม PADI รับเทรนด์ Pet Humanization เติบโต พ่วงผนึกกำลังพันธมิตรลุยธุรกิจบริการสุขภาพสัตว์เลี้ยงครบวงจร พร้อมเคาะปันผล 0.05 บาท ขึ้น XD 27 ส.ค.67 จ่าย 11 ก.ย.นี้


นายสัตวแพทย์ สุชาติ วรวุฒางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS ผู้นำธุรกิจ ผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ทำรายได้ 603.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิทำได้ 17.26 ล้านบาท เติบโต 54.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์สารเสริมคุณค่าอาหารสัตว์ อาหารสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท รวมถึงชุดตรวจโรคสำหรับสัตว์ในประเทศ และเวชภัณฑ์ สารเสริมคุณค่าอาหารสัตว์ในต่างประเทศ รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าปศุสัตว์ครบวงจรได้สำเร็จ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้ 1,177.28 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31.27 ล้านบาท เติบโต 6.68% และ 71.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2567 ในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 สิงหาคม 2567 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2567 นี้

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทฯ มุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) การเพิ่มอัตรากำไร โดยเน้นสินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์ยา สารเสริม และชุดตรวจ และมุ่งเน้นในตลาดที่มีมูลค่าสูง อย่างกลุ่มสัตว์เลี้ยง (Pet) และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโรงงานและสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ 2) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการขยายฐานลูกค้ากลุ่มปศุสัตว์ครบวงจร และพัฒนาช่องทางการขายเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง (B2C) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของทีมขายและปรับปรุงบริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจและรักษาลูกค้า และ 3) การขยายตลาดต่างประเทศ มุ่งเติบโตในตลาด CLMV และเริ่มดำเนินธุรกิจในเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยมุ่งเน้นตลาดสุกรและสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนในอนาคต

ทั้งนี้ สำหรับเทรนด์ Pet Humanization หรือการมองสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพสูง BIS ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเทรนด์นี้ ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสัตว์เลี้ยง (Pet) และขยายตลาดสู่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไร และตอบสนองความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มองหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดให้บริการแพลตฟอร์ม PADI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ให้บริการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา คำแนะนำการวางแผนประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงการเชื่อมโยงเจ้าของสัตว์เลี้ยงกับผู้ให้บริการต่างๆ เช่น โรงพยาบาลสัตว์ ร้านขายยา และร้านเพ็ทช็อป โดยแพลตฟอร์มนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง BIS และกลุ่มพันธมิตร เพื่อช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าถึงบริการต่างๆ ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเป็นช่องทางในการขยายตลาดสู่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ของ BIS ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“BIS มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ในปัจจุบัน สะท้อนผ่านผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่ง เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ โดยประเมินแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน” นายสัตวแพทย์ สุชาติ กล่าว

Back to top button