BWG โชว์งบ 6 เดือนพลิกกำไร 92 ล้าน รับรายได้บริการ-โรงไฟฟ้าขยะฯ โต
BWG ประกาศผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 67 มีรายรวมได้รวม 1,379 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% หนุนพลิกกำไร 92 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้การให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรมของบริษัท และบริษัทในเครือ รวมทั้งการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีรายได้รวมจากการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรม 921.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 92 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ พลิกมาเป็นกำไรนั้น มาการเติบโตของรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น 16% รวมถึงรับรู้รายได้จากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 11% และรายได้จากการก่อสร้าง ส่งผลให้มีรายได้รวมเติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 149% ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดว่ามีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่การจำหน่ายกากอุตสาหกรรมที่ใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงทดแทน (SRF) ให้กับลูกค้าภายนอกกลุ่มเพิ่มขึ้นจากเดิม 127% เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานหลักเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาครัฐ ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าใน 6 เดือนแรกของปี 2567 สามารถผลิตและจำหน่ายหน่วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10% ของหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตและขาย คิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น 38 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจุบันที่บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีโรงไฟฟ้าภายใต้บริหารจัดการ จำนวน 3 แห่ง
อีกทั้ง การให้บริการของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นการรับจ้างดำเนินการรับเหมาบริการกำจัด/บำบัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและของเสียเคมีวัตถุที่ตกค้าง โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้ว่าจ้างเข้าไปดูแล ซึ่งคิดเป็นมูลค่าโครงการ 55.84 ล้านบาท ระยะเวลาการดำเนินงาน 210 วัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 – 29 มีนาคม 2567 โดยได้ส่งมอบงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วในไตรมาส 2/2567
“ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงชะลอตัวและอยู่ในจุดสูงสุดของดอกเบี้ย แต่ BWG กลับมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งชี้ให้ถึงแนวโน้มการกำจัดของเสียอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญในการกำจัดขยะอย่างถูกวิธีและดำเนินการตามหลัก ESG รวมไปถึงนโยบายภาครัฐที่ให้ความสำคัญด้านการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทำให้ทั้งภาคประชาชนและภาคเอกชนหันมาสนใจในด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นายสุวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 12 แห่งและโรงงานผลิตเชื้อเพลิงเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ และจะสามารถขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด