ORI โชว์ยอด “พรีเซล” 6 เดือนแรกพุ่ง 1.8 หมื่นลบ. ตุนแบ็คล็อกแน่น 4.7 หมื่นล้าน
ORI เปิดงบครึ่งแรกปี 2567 กวาดยอดขายบ้านและคอนโดแตะ 18,331 ล้านบาท ตุนแบ็คล็อก 47,135 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ครึ่งหลังปี67-ปี 71 พร้อมลุยผุดโครงการใหม่ไตรมาส 4/67 มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) จากทั้งโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม 47,135 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกของปี 2567 มียอดขายจากโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมรวมกว่า 18,331 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดแบ็คล็อกจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ไปจนถึงปี 2571 เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้ จะมีโครงการคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จใหม่โซน BTS สายสีเขียว ที่จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ 1.โซ ออริจิ้น เกษตร อินเตอร์เชนจ์ (So Origin Kaset Interchange) โครงการใกล้ BTS สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,
2.ไนท์บริดจ์ สเปซ สุขุมวิท-พระราม 4 (KnightsBridge Space Sukhumvit-Rama 4) โครงการใกล้ BTS พระโขนง และ 3. ออริจิ้น เพลย์ พหล 50 สเตชั่น (Origin Play Phahol 50 Station) โครงการใกล้ BTS สถานีพหลโยธิน 50 โดยมีมูลค่าแบ็คล็อกพร้อมโอนจากทั้ง 3 โครงการรวมประมาณ 4,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 90% ของมูลค่าโครงการ
ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่จะทยอยโอนต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ปี 2567 อีก 2 โครงการ ได้แก่ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น (Origin Plug & Play Nonthaburi Station) และออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น (Origin Play Sri Udom Station) ที่มีมูลค่าแบ็คล็อกพร้อมโอนต่อเนื่องอีกราว 2,400 ล้านบาท
“เศรษฐกิจปีนี้ไม่ง่าย แต่ด้วยแบ็คล็อกที่เราวางแผนเปิดโครงการ และสะสมยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงมีรายได้ที่รอรับรู้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเราเองยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจัยภายนอก” นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมอีกประมาณ 11,000 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวใหม่ไปแล้ว 8,980 ล้านบาท สำหรับทำเลของโครงการที่จะพัฒนานั้น จะมีความยืดหยุ่นในการเลือกพัฒนามากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความต้องการจริงของตลาดแต่ละทำเล มีการทดสอบการตอบรับของลูกค้าก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ
โดยเน้นเปิดตัวเฉพาะโครงการที่มีจุดเด่นชัดเจน มีการตอบรับที่แข็งแกร่ง และอาจปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม โดยบริษัทฯ มีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการแล้วทั้งหมด นอกจากนี้ ยังยึดแนวทางการร่วมทุนเป็นหลัก เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มคู่คิดที่มีความชำนาญในทำเล
ขณะที่กลุ่มโครงการพร้อมอยู่ บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าจัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านการขอสินเชื่อ อาทิ การรวมหนี้ผ่านธนาคารที่มีนโยบายรองรับ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นกู้ร่วม เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน การเสนอโครงการอื่นในทำเลใกล้เคียงที่ลูกค้ามีความสามารถชำระเพื่อเป็นทางเลือก พร้อมทั้งเดินหน้าโมเดลการขายโครงการไปสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ลูกค้าลงทุนระยะยาว ลูกค้าต่างชาติ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าองค์กร (Corporate) ที่มีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมสำหรับพนักงาน
โดยล่าสุด บริษัทฯ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในกลุ่มโครงการเปิดใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Origin Place Taopoon Interchange) โครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในย่านเตาปูน มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท ที่กวาดยอดขายสะสมไปแล้วถึง 60% หลังเปิดขายได้เพียง 3 เดือน
เช่นเดียวกับโครงการในโซนภูเก็ต ที่ในช่วง 7 เดือนแรกของปี บริษัทฯ สามารถกวาดยอดขายสะสมมาแล้วถึง 2,000 ล้านบาท หรือกว่า 80% โดยจะเปิดโครงการใหม่ โซ ออริจิ้น กะตะ ภูเก็ต (So Origin Kata Phuket) โครงการคอนโดมิเนียมกลางภูเก็ต ใกล้หาดกะตะ เพียง 500 เมตร มูลค่าโครงการกว่า 1,650 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในช่วง ไตรมาส 4 ปี 2567
โดยบริษัทฯ มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 163 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 253,198 ล้านบาท
2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก,3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร