CPAXT ส่งซิกครึ่งปีหลัง 67 โตต่อ รับยอดขายใน-ตปท. ขยายตัว เร่งเปิดครบ 10 สาขาปีนี้!

นางสาวภัทรวัลล์ สุกปลั่ง รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2567 จะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก 2566 เนื่องจากยอดขายในประเทศ และต่างประเทศมีการเติบโตที่ดี ตลอดจนการท่องเที่ยวที่ยังเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4/2567

สำหรับอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ปีนี้อยู่ในระดับ mid-single digit นอกจากนี้ สัดส่วนยอดขาย Omni Channel ปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 17% ของยอดขายรวม หลังไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 17.2% และบริษัทจะเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการ และการขยายพื้นที่ให้บริการ

ส่วนแผนการขยายสาขาในธุรกิจค้าส่ง บริษัทมีแผนการขยายสาขาในประเทศไทยเพิ่ม 8 สาขา และในต่างประเทศ 2 สาขา โดยในประเทศเปิดไปแล้ว 4 สาขา ส่วนในต่างประเทศเปิดไปแล้ว 1 สาขา ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีก บริษัทคาดว่า จะเปิด 1 สาขาขนาดใหญ่ และ Supermarket 4 สาขา ซึ่งเป็นในประเทศไทย 3 สาขา และในประเทศมาเลเซีย 1 สาขา รวมถึง Mini Go fresh เปิดเพิ่ม 100 สาขา

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างควบรวมกิจการ และคาดว่าจะสามารถสรุปกระบวนการให้เสร็จสิ้นได้ภายในไตรมาส 4/2567 ซึ่งประโยชน์จากการควบรวมกิจการน่าจะเห็นผลอย่างชัดเจนในปี 2568 ผ่านทางการประหยัดดอกเบี้ย และ ต้นทุนทางการเงิน โดยปีนี้บริษัทไม่มีแผนออกหุ้นกู้ หรือ ขอวงเงินเพิ่มจากสถาบันการเงิน เพื่อรักษาต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งมีรายได้รวม 126,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 121,612 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 5.30% หนุนจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (“Omni Channel”) และการขยายสาขา

ขณะที่รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.90% จากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าอาหารสดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ สัดส่วน Omni Channel ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็นสัดส่วน 17.20% ของรายได้จากการขาย ซึ่งทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ของปีนี้ โดยตอกย้ำถึงความเป็น “ผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีกค้าส่ง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค

โดยผลดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,516 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการยอดขายและอัตรากาไรขั้นต้นที่เติบโต รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืม

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 253,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.00% จากงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 241,834 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,682 ล้านบาท