โบรกลุ้น SET ปี 67 ทดสอบ 1,470 จุด หลังตั้งนายกฯ คนใหม่ แนะลงทุน 11 หุ้นเด่น
โบรกมอง SET ปี 67 ทดสอบอยู่ที่ระดับ 1,470 จุด หลังตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมแนะนำลงทุนหุ้นระยะกลางถึงยาว อาทิ AOT-CHG-CPALL-CPN-GPSC-HANA-KCG-KTB-SHR-SJWD-TU
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 ส.ค.67) ถึงทิศทางตลาดหลังการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 จาก 160 บริษัทที่ฝ่ายนักวิเคราะห์ทำการศึกษา พบว่าได้กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 2.11 แสนล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย
อย่างไรก็ดีถ้าหักกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งมีรายการพิเศษกำไรสุทธิรวมจะสูงกว่าคาดการณ์ 2% นอกจากนี้ ถ้าไม่รวม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ซึ่งมีผลขาดทุนจากการด้อยด่าจำนวนมาก ส่วนกำไรสุทธิรวมจะสูงกว่าคาดการณ์ถึง 6%
ส่วนกลุ่มที่มีผลประกอบการดีที่สุดในไตรมาส 2/67 คือ อาหารโดยเฉพาะกลุ่มต้นน้ำ ซึ่งรายงานกำไรสุทธิกระโดดเพิ่ม 82% จากไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้น 291% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 16% ขณะที่กลุ่มพลังงาน ค้าปลีก สื่อสารฯ ไม่รวมรายการพิเศษของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE อสังหาริมทรัพย์ และ อิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่มที่รายงานกำไรสุทธิดีกว่าคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่รายงานกำไรต่ำกว่าคาดการณ์ประกอบด้วยปิโตรเคมี, ขนส่ง, บริการทางการเงิน, วัสดุก่อสร้าง ท่องเที่ยว และยานยนต์ โดยภาพรวมกำไรไตรมาส 2/67 สอดคล้องกับเศรษฐกิจมหภาคเนื่องจากการบริโภคในประเทศยังคงดีโดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consurner staples) ในขณะที่กลุ่มการผลิตได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของไทย
นอกจากนี้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาฝ่ายนักวิเคราะห์เห็นประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 67 จะถูกปรับลดลงราว 2% จาก 91.50 เป็น 89.30 บาท อย่างไรก็ดีคิดว่ากำไรยังมี Downside จำกัดเนื่องจากกำไรสุทธิรวมในครึ่งปีแรกคิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ มองว่ากำไรในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเติบโตทั้งครึ่งปีก่อน และ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและหลายกลุ่มบริการที่กำลังเข้าสู่ช่วง High season
ขณะที่จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นฝ่ายนักวิเคราะห์เห็นว่าเป้าหมาย SET ในปี 67 อยู่ที่ 1,470 จุด มี Downside โดยยังคงให้ความสนใจกับการพัฒนาทางการเมืองของไทยอย่างต่อเนื่อง ถ้าสภาผู้แทนราษฎรสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ได้ในวันที่ 16 ส.ค. 67 และนายกฯ สามารถตั้ง ครม. ใหม่ได้ทันที ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า SET อาจฟื้นตัวเหนือ 1,300 จุด ในภาพรวมการประเมินมูลค่าของดัชนีฯ ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาวเนื่องจากดัชนีมีการซื้อขายที่ประมาณ 14 เท่า P/E พร้อม Earnings yield gap ที่ประมาณ 4.40% ฝ่ายนักวิเคราะห์คงกลยุทธ์เลือกลงทุนโดยมีหุ้นเด่น อาทิ AOT, CHG, CPALL ,CPN, GPSC, HANA, KCG, KTB, SHR, SJWD และ TU