“ปตท.” เล็งดึง “พันธมิตร” ร่วมทุน กระตุ้นธุรกิจปิโตรเคมี-โรงกลั่น
“นายคงกระพัน อินทรแจ้ง” กล่าวว่า “ปตท.” กำลังมองหาพันธมิตรใหม่ที่จะมาร่วมลงทุน PTTGC-TOP-IRPC โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุน เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 ส.ค.67) อ้างอิงข้อมูล สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่าบริษัทกำลังมองหาพันธมิตรใหม่ที่จะมาลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นของปตท. ต่อไปในอนาคต ซึ่งขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนที่มีศักยภาพ
โดยเล็งขายหุ้นบางส่วนใน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ซึ่ง ปตท.จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน 3 บริษัทดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรใหม่จะเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานต่างๆ ของหน่วยงาน ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง และสภาวะตลาดที่ค่อนข้างตึงเครียด
นอกจากนั้นแล้ว ปตท. ยังเล็งขายธุรกิจและหน่วยงานที่ไม่ทำกำไรให้บริษัท โดยหวังเพิ่มรายได้จากการขายดังกล่าวเข้ามา
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองต่อ PTT กำลังหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยจะขาย PTTGC, TOP, IRPC ให้กับผู้สนใจ เข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจ (แต่ PTT จะยังถือหุ้นใหญ่) และ PTT จะขายธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไรออก เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
โดยในการพิจารณาและศึกษามาตลอด ซึ่งการหาพาร์ทเนอร์เป็นหนึ่งในทางเลือกโดยไม่ได้เจาะจงเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี แต่เป็นการทบทวนแผน ธุรกิจและมองหาโอกาสต่างๆ ของการลงทุนทั้งหมด
ส่วนเงื่อนไขสำคัญของ PTT คือ การมีพาร์ทเนอร์เข้ามาควรจะมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของ PTT ได้
ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นการขายหุ้นที่ระดับ flagship company หรือ subsidiaries ของแต่ละ flagship
โดยในมุมมองของทางฝ่ายวิจัย สำหรับการลดสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจ hydrocarbon จะเป็นการสนับสนุนเป้าหมาย net zero ของ PTT ในปี 2593 ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
สำหรับกลยุทธ์มองเป็นบวก ในแง่ของกระแสเงินสด คาดอาจจะมีปันผลที่เพิ่มขึ้น จากการขายกิจการที่ไม่สร้างกำไร และหาพันธมิตรใหม่