“ชัยยศ” มอง SET ครึ่งปีหลังขาขึ้น! รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า “วายุภักษ์ 1-Thai ESG”

“ชัยยศ” มอง SET ครึ่งปีหลังขาขึ้น! รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า “วายุภักษ์ 1-Thai ESG” พ่วงมาตรการภาครัฐแจก 1 หมื่นบาท กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี แนะลงทุนหุ้น Domestic Play ชู AOT- CPAXT เด่นกลุ่ม  


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (21 ส.ค. 67) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงนี้บรรยากาศถือว่ากลับมาเป็นบวกมากขึ้น โดยมี 2 ปัจจัยหนุนคือ 1.ประเด็นการเมืองที่มีความชัดเจน โดยเฉพาะนายกคนใหม่ และทางพรรคเพื่อไทยได้ประกาศชัดเจนว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อจากรัฐบาลเศรษฐา

2.นักลงทุนคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยในช่วงการประชุมในเดือนกันยายน ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเรื่องของบอนยีลด์สหรัฐอ่อนตัวลงมา โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3.8% อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยอยู่ที่ระดับ 34.20 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยทั้งสองด้านหนุนให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาโดยจะเห็นในช่วงนี้ 2 วันที่ผ่านมาจะพบว่าต่างชาติซื้อสุทธิ 3,000 ล้านบาท โดยมองว่าโมเมนตันเหล่านี้จะยังอยู่เนื่องจากค่าเงินบาทยังแข็งค่า

ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไนในช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 มองว่ายังมีปัจจัยบวกหนุนหลายด้าน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3/67 มองว่า“กองทุนวายุภักษ์ 1 จะมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าปัจจุบันและจะเป็นปัจจัยหนุนใหญ่ ส่วนในไตรมาส 4/67 จะเป็นช่วงของการซื้อกองทุนโดยเฉพาะกองทุน Thai ESG  ที่สามารถลดหย่อนได้ถึง 300,000 บาท โดยมองว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยเทียบจาก LTF เดิม

ดังนั้นทั้งกองทุนวายุภักษ์ 1 และ กองทุน Thai ESG ที่เข้ามามองว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะขยับตัวขึ้นต่อในช่วงปลายปีนี้ โดยเม็ดเงินที่จะเข้ามาในกองทุนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบิ๊กแคป หรือ กลุ่ม SET100-SET50 น่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์ในการเข้าซื้อ

อีกทั้งโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายไปสู่รากหญ้ารวมถึงโครงการต่างๆมองว่าตัวเลข GDP ไทยน่าจะฟื้นตัว โดยเห็นได้จากไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 1.5% และล่าสุดไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 2.3% ถ้าได้เม็ดเงินเข้ามากระตุ้นอีกทางคาดว่าจะะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้

ส่วนประเด็นดิจิทัลวอลเล็ตจะเปลี่ยนเป็นแจกเงินสดตรงนี้ยังไม่ได้นำเข้ามารวมเพื่อประเมินทิศทางดัชนี อย่างไรก็ตามมองว่าถ้ามีเม็ดเงินดิจิตอลเข้ามาในระบบมอว่าจะทำให้ตัวเลขการบริโภค และตัวเลข GDP ไทยเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องติดตามเงื่อนไขจะเป็นลักษณะอย่างไร เช่น ร้านค้าที่จะได้ประโยชน์จะเป็นแบบไหน

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหลักเนื่องจากดูการเมืองและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นความคาดหวังหลักของตลาดทุน แนะนำ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวขยับขึ้นมาต่อเนื่อง และคาดว่าตัวเลขน่าจะตามเป้าที่ระดับ 36- 40 ล้านคนตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดหวัง แนะนำซื้อลองตรวจซื้อจาก 64.50บาท

ส่วนอีกตัวแนะนำบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งกำไรไตรมาส 2/672 ออกมาดี และมองว่าไตรมาส 3/67 จะออกมาดีต่อเนื่องเช่นกัน แนะนำซื้อราคาพื้นฐาน 40 บาท ด้านกลุ่มโรงไฟฟ้าแนะนำเก็งกำไรเนื่องจากได้ประโยชน์บอนด์ยีลด์และเงินบาทแข็ง และต้นทุนแก๊สขยับขึ้น

Back to top button