เก็ง 7 หุ้น รับกระแสบวก งาน “Thailand Focus 2024”
บล.เมย์แบงก์ คัดกรองหุ้น AOT, BBIK, BCP, CENTEL, COM7, CPN และ SABINA คาดได้รับ Sentiment บวกจากการเข้าร่วมงาน Thailand Focus 2024 แนะกลยุทธ์การลงทุนหาจังหวะในการเข้าซื้อก่อนงานเริ่ม 5 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดงาน Thailand Focus จุดประสงค์เพื่อให้กองทุนทั้งในและต่างประเทศได้พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับบริษัทจดทะเบียนโดยตรง ซึ่งปีนี้จัดระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค.67 จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ วันที่ 19 ส.ค.67 มีบริษัทฯ เข้าร่วมงานครั้งนี้รวม 113 บริษัท
อาทิ AAV, ADVANC, AEONTS, AH, AOT, AP, AURA, AWC, BAFS, BAM, BBGI, BBIK, BBL, BCH, BCP, BCPG, BDMS, BE8, BEM, BGRIM, BH, BJC, BPP, BTS, CBG, CENTEL, CHG, CKP, COM7, CPALL, CPAXT, CPF, CPN, CRC, DELTA, DITTO, DOHOME, EGCO, EPG, ERW, GFPT, GLOBAL, GPSC, GULF, GUNKUL, HANA, HMPRO, HTC, IRPC, ITC, IVL, JMART, JMT, KBANK, KKP, KTB, KTC, LH, MAJOR, MASTER, MEGA, MINT, MOSHI, MTC,
ONEE, OR, ORI, OSP, PLANB, PSH, PSL, PTG, PTT, PTTEP, PTTGC, RATCH, RBF, SABINA, SAFE, SAPPE, SAT, SAWAD, SCB, SCC, SCGD, SCGP, SHR, SIRI, SISB, SJWD, SKY, SNNP, SPALI, SPRC, STA, STEC, STGT, SVI, TASCO, TCAP, TFG, TISCO, TKN, TLI, TOA, TOP, TQM, TRUE, TTB, TU, WARRIX, WHA, WHART และ XPG เป็นต้น
ด้าน นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า Thailand Focus เป็นงาน flagship ประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในไทยให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 ภายใต้แนวคิด “Adapting to a Changing World” นำเสนอความพร้อมและศักยภาพของภาคเอกชน ตลาดทุน และเศรษฐกิจไทย ที่แม้เผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์โลกที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว โดยงานในครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสถาบันได้เห็นถึง การปรับตัวและก้าวไปข้างหน้าของภาครัฐ ภาคตลาดทุน รวมถึงภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศไทย และการคว้าโอกาสจากบริบทใหม่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมดิจิทัล กระแสการย้ายฐานการลงทุน และความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม
โดยงาน Thailand Focus 2024 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันต่างชาติ โดยได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐร่วมกล่าวถึงนโยบายขับคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้สภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลง พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงในวงการธุรกิจและตลาดทุนที่จะมาให้ข้อมูลถึงการปรับตัวของตลาดทุนไทย ทิศทางการเติบโตจากการขยายฐานการลงทุนของต่างชาติมายังไทยที่กระตุ้นให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่และการปรับเปลี่ยนในโครงสร้างเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ การปฏิรูปห่วงโซ่อุปทานธุรกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ตลอดจนความท้าทายภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเตรียมความพร้อมของธุรกิจไทย
อย่างไรก็ดี จากสถิติย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2564-2566) พบว่าช่วงที่จัดงาน SET Index มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยช่วงปรับขึ้นได้ดีจะเกิดก่อนและหลังเริ่มงาน 5 วันทำการซึ่ง SET Index ให้ผลตอบแทนบวกเฉลี่ย 2.7% แต่จุดที่น่าสนใจ คือ หุ้นที่เข้าร่วมงานให้ผลตอบแทนบวกเฉลี่ย 3.9% ซึ่งถือว่า Outperform ตลาด
สำหรับแรงซื้อเข้ามาจาก 2 นักลงทุนกลุ่มหลัก คือ นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเฉลี่ย 2.16 พันล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิเฉลี่ย 1.28 หมื่นล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST ระบุว่า ปีนี้ประวัติศาสตร์มีโอกาสซ้ำรอย เนื่องจากประเด็นทางการเมืองที่คลี่คลาย รวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนฯใน SET Index คาดขยายตัว 24% จากงวดเดียวของปีก่อน และ Valuation ของ SET Index ซื้อขายบน PER ปี 67 ที่ต่ำเพียง 13-14 เท่า
ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้คัดกรองหุ้นที่คาดว่าได้ Sentiment บวกจากการเข้าร่วมงาน Thailand Focus โดยมีเงื่อนไข 1) กำไรมีแนวโน้มเติบโต 2) ผลตอบแทนจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) น้อยกว่า 0 และ3) ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังตอนเข้าร่วมงานเป็นบวกมากกว่า 5%
โดยข้อมูลข้างต้นสามารถเลือกหุ้นที่แนะนำ “ซื้อ” ซึ่งจะได้ 7 หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ AOT, BBIK, BCP, CENTEL, COM7, CPN และ SABINA
ขณะที่ จังหวะในการเข้าซื้อแนะนำซื้อก่อนงานเริ่ม 5 วันทำการและขายหลังงานจบ 5 วันทำการ ซึ่งในปีนี้ วันซื้อตรงกับวันที่ 21 ส.ค.67 แ ละขายในวันที่ 6 ก.ย.67 ตามลำดับ