CGSI คัด 8 หุ้นท็อปพิก ลุ้น “ฟันด์โฟลว์” ไหลกลับไทย ก.ย.นี้

CGSI คาดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยเดือนก.ย.นี้ ขณะที่ความไม่แน่นอนการเมืองลดลง หุ้นไทย underperform ตลาดหุ้นอื่น พร้อมคัด 8 หุ้นท็อปพิกพื้นฐานแกร่ง


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ(บจ.) ที่ทำการศึกษา 90 แห่ง มี EPS เติบโต 31% จากปีก่อน และ 6% จากไตรมาส 2/67 ซึ่งผลประกอบการโดยรวมถือว่าสอดคล้องกับที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งคือ กลุ่มเกษตร, กลุ่มอาหาร, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มโทรคมนาคม และกลุ่มขนส่ง

ส่วนกลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตอ่อนตัวได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค, กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น บจ.ที่ทำการศึกษาจึงมีกำไรเติบโต 17% จากปีก่อน ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ซึ่งมองว่าค่อนข้างดีเมื่อประเมินจากเศรษฐกิจในไตรมาส 2/67 ที่อ่อนตัว

ทั้งนี้ แม้ว่านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศจะขายสุทธิ 1.20 แสนล้านบาท แต่คาดการณ์ว่าเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนก.ย.67 เมื่อความไม่แน่นอนทางการเมืองลดลง บวกกับตลาดหุ้นไทย underperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้นจึงเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะเปลี่ยนจากการลงทุนในกลุ่มปลอดภัย (defensive) และกลุ่มที่มีธุรกิจในต่างประเทศ (external exposure) มาลงทุนในกลุ่มที่เน้นธุรกิจในประเทศ (domestic play) และกลุ่มที่ underperform ตลาดอย่างมีนัยสำคัญแต่ยังมีพื้นฐานดี ดังนั้นหุ้น Top pick ของฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงประกอบด้วย AMATA, BBL, BCH, CBG, CPALL, CRC, KLINIQ และ PTTEP

โดยฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะยังจับมือกันและน่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อย่างเป็นทางการภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองลดลงและตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปีอยู่ที่ 1,420 จุด เท่ากับ P/E ที่ 15 เท่าในปี 68 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี

พร้อมมองว่า upside risk จะมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับลด Fed Fund rate เชิงรุก, การเปิดตัวกองทุนวายุภักษ์ มูลค่า 1.50 แสนล้านบาทที่กระทรวงการคลังเตรียมเปิดขายในไตรมาส 3/67 และการลงทุนในกองทุน Thai ESG ที่ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเป็นสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ส่วน downside risk จะมาจากความไม่แน่นอน ทางการเมืองที่ยืดเยื้อ, ความล่าช้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ

Back to top button