“กรภัทร” มอง SET ผันผวนกรอบ 1,330-1,350 จุด พร้อมชู 5 หุ้นเด่น CPALL-CPAXT-BBL-GULF-AOT

“กรภัทร” มองวิสัยทัศน์ “นายทักษิณ ชินวัตร” ชี้ “FIDF” ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น หากทำได้จริง พร้อมแนะ 5 หุ้นโตเด่น “CPALL-CPAXT-BBL-GULF-AOT” สอดรับนโยบาย


นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (23 ส.ค.67) ว่า ภาพรวมของปัจจัยการเมืองที่กดดันตลาดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้มันคลายออกไปในระยะสั้น อีกทั้ง ยังเป็นช่วงที่นักลงทุนมีความคาดหวังเชิงบวก หรือเรียกว่า Post-honeymoon Period ต่อการจัดตั้งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร

สำหรับงานเนชั่นทีวีจัดดินเนอร์ทอล์ก หัวข้อ Vision for Thailand 2024 ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2567 โดยมี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์แนวทางผลักดันประเทศไทย โดยกล่าวถึง นโยบายการกระตุ้นการบริโภคเป็นหลัก อาทิ นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งปรับรูปแบบในเฟสแรก แจกเงินทันทีในเดือนกันยายน ซึ่งจากตัวเลขประมาณ 1.22 แสนล้าน จะอิมแพ็คต่อ GDP ทั้งปี อยู่ที่ประมาณ 0.7% ทั้งนี้เป็นการคาดการณ์ของตลาดโดยรวม  อย่างไรก็ตาม นโยบายจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 จะส่งผลต่อไตรมาส 4 อยู่ที่ประมาณ 1.5 บวกลบขึ้นไป เรียกว่าเป็นขนาดของเม็ดเงินที่อัดฉีดของนโยบายการกระตุ้นการบริโภคทันที

อีกทั้ง นโยบายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF เข้าช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตการทางการเงินลงครึ่งหนึ่ง อาทิ การลดค่าธรรมเนียมในการส่ง FIDF จะช่วยเหลือธนาคารให้มีสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งอาจจะมาหนุนในเรื่องการปล่อยกู้ หรือ ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถส่งผ่านไปยังลูกหนี้ในวงกว้าง ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะสั้น หากรัฐบาลเร่งผลักดันเรื่องนี้ คิดว่ารัฐบาลสามารถเป็นผู้นำร่อง และขอความร่วมมือจากภาคเอกชน จะช่วยให้เศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นตัวเร็วขึ้น

ขณะเดียวกันมองว่า บรรยากาศตลาดโลกกำลังจับตาดู “Jackson Hole Symposium” การประชุมนโยบายทางเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง อาจจะมีประเด็นที่ทำให้ลดทอนความคาดหวังตลาดลง หรือมีการปรับนโยบายการเงินที่ไม่ได้เร็วอย่างที่คิดประกอบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ตลาดหุ้น Outperform ต่อเนื่อง

นายกรภัทร กล่าวว่า “โครงสร้างตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะฝั่งอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน รวมประเทศไทย ตลาดหุ้นกลุ่มนี้เป็นตลาดที่ Outperform ซึ่งเทียบกับตลาดหุ้นของเกาหลี และไต้หวันยัง Underperform อยู่ เนื่องจากตลาดเริ่มเลือกจาก “Market Value” โดยมองโอกาสจากด้านอื่นๆในอนาคต “

ดังนั้น จึงมองว่า ตลาดหุ้นไทย จะผันผวนช่วงต้นแต่น่าจะโตได้ ซึ่งแนวต้านจะอยู่ที่ 1,350/1,355 จุด และแนวรับอยู่ที่ 1,330 จุด อีกทั้ง Set Thai น่าจะมีโอกาสที่ Outperform ในวันนี้ ส่วนจะบวกได้มากหรือน้อย ต้องลุ้นกันต่อไป

สำหรับการลงทุนเก็งกำไร แนะนำหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะรับกับประเด็นต่างๆดี ได้แก่ หุ้นค้าปลีก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เป็นหุ้นเด่น, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เกิดจากการลด FIDF จะส่งผลบวกต่อธนาคารโดยตรง, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เพราะค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า รวมถึงกระแส Data Center เร่งตัว ฉะนั้นหุ้นกลุ่มผลิตไฟฟ้าเป็นหุ้นที่ได้ประโยช์นมากที่สุด และรวมถึงภาคบริการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

Back to top button