“ดาวโจนส์” ปิดเด้ง 462 จุด หลังพาวเวลตอกย้ำความหวัง “เฟด” ลดดอกเบี้ย ก.ย.นี้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 41,175.08 จุด เพิ่มขึ้น 462.30 จุด เนื่องจากความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงาน (24 ส.ค.67) ว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (23 ส.ค.67) เนื่องจากความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,175.08 จุด เพิ่มขึ้น 462.30 จุด หรือ +1.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,634.61 จุด เพิ่มขึ้น 63.97 จุด หรือ +1.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,877.79 จุด เพิ่มขึ้น 258.44 จุด หรือ +1.47%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นมากที่สุด 2.0% รองลงมาได้แก่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น 1.70% ขณะที่กลุ่มสินค้าจำเป็นปรับตัวขึ้น 0.23%
โดยในการกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงนั้น นายพาวเวลกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่ความเสี่ยงที่ภาวะเงินเฟ้อจะเลวร้ายลงนั้นได้ลดน้อยลง และเฟดไม่คาดว่าตลาดแรงงานจะอ่อนแอลง”
สำหรับความเห็นของพาวเวลบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
ด้าน ไรอัน ดีทริก หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า พาวเวลได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เดือนก.ย.จะเป็นการเริ่มต้นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ อินวิเดีย, แอปเปิ้ล และเทสลา ปรับตัวขึ้นมากที่สุดหลังการกล่าวสุนทรพจน์ของนายพาวเวล ขณะที่หุ้นขนาดเล็กและกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ปรับตัวขึ้น 3.2% และ 4.9% ตามลำดับ
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Workday บริษัทซอฟต์แวร์ด้านทรัพยากรบุคคล พุ่งขึ้น 12% ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในดัชนี Nasdaq หลังเปิดเผยรายได้สูงกว่าคาดและประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์
หุ้น Ross Stores ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าลดราคา พุ่งขึ้น 1.8% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2567
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 10.6% สู่ระดับ 739,000 ยูนิตในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 625,000 ยูนิต จากระดับ 668,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย.
ส่วนในสัปดาห์หน้า เฟดจะพิจารณาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจก่อนการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2567 ที่มีการปรับแก้ไข และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)