เปิดโผ 50 หุ้น รับวิชั่นฟื้น “เศรษฐกิจไทย” ในมุม “ทักษิณ ชินวัตร”

3 โบรกแนะสอย 50 หุ้นเด่น จ่อรับอานิสงส์ “ทักษิณ ชินวัตร” โชว์วิชั่นในงาน “Dinner Talk Vision for Thailand 2024” ลุ้นรัฐบาลนำไปปรับใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย


เรียกได้ว่าได้รับเสียงตอบรับจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดีกับการปรากฏตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 พร้อมกับการโชว์วิสัยทัศน์เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจไทยบนเวทีงาน Dinner Talk Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งรวมเอาปัญหาเศรษฐกิจขึ้นมาพูดคุย พร้อมนำเสนอการแก้ไขปัญหา อาทิ ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน, เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์, ยกระดับเศรษฐกิจใต้ดิน, ขยายกองทุนวายุภักษ์, ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน

รวมไปถึง การเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลก,การลงทุนขนาดใหญ่, เพิ่มรายได้ภาคท่องเที่ยว, ปฏิรูปการเกษตรใหม่, นโยบายซอฟต์พาวเวอร์, การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และ ประสานนโยบายเศรษฐกิจกับ ธปท. ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

สำหรับแนวทางที่ถูกนำเสนอผ่านมุมมองของนายทักษิณถือว่าสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้เป็นอย่างดีจนทำให้ดัชนีหุ้นไทยในวันสุดท้ายที่เปิดทำการ ปิดบวก 13.84 จุด ปิดที่ 1,354.87 จุด พร้อมปริมาณการซื้อขายสุทธิถึง 62,577.47 ล้านบาท นับว่าเป็นสัญญาที่ดีให้ตลาดหุ้น โดย “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมบทวิเคราะห์และหุ้นที่คาดการณ์อาจได้รับอานิสงส์ จากประเด็นดังกล่าว ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด วิเคราะห์ว่าการแสดงวิสัยทัศน์ นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาและมีโอกาสที่ GDP จะตกต่ำลง จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ซึ่งฝ่ายวิจัยสรุปสาระสำคัญที่เกี่ยวกับตลาดทุนโดยตรงไว้ 3 ข้อ ดังนี้

1.ภาคการศึกษาแผนการขยายกองทุนวายุภักษ์เพื่อใช้เป็น TREASURY STOCK สำหรับหุ้นใน SET50-SET100 และควรมี ESG RATING โดยคาดการณ์หุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ KBANK, BBL, AOT, SCB, PTT, BCP, TTB, ADVANC, SCC และ BDMS

2.การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยการขยายความจุ สนามบินสุวรรณภูมิ และการสร้าง Entertainment Complex ครบวงจร คาดการณ์มีเงินลงทุนราว 1 แสนล้านบาท และจะมีหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ AWC, CENTEL, MINT, ERW, CPN และ AOT

3.การปรับเปลี่ยนนโยบาย Digital Wallet โดยเสนอปรับแจกเงินสดแก่กลุ่มเปราะบาง-ผู้พิการ 1 หมื่นบาท ด้วยงบกลางและงบฯ ปี 67 รวม 1.45 แสนล้านบาท ภายใน ก.ย.67 หลังจากนั้นใช้งบฯ ปี 68 แจกเงินแก่ผู้ลงทะเบียน 30 ล้านคน ไม่ซ้ำกับกลุ่มแรก คาดการณ์หุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ MTC, BAM, TIDLOR, TU, TFG, GFPT, CPALL, CPAXT, BJC

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ SET มีโอกาสตอบรับวิสัยทัศน์อดีตนายกฯ หาก ครม. นำไปปรับใช้จะสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในภาคเศรษฐกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่

1.ภาคบริโภคครัวเรือน หากแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนและการดำเนินโครงการ Digital Wallet เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องอาจสนับสนุนหุ้นกลุ่มภายในประเทศ (Domestic) อาทิ ค้าปลีก, เช่าซื้อ, ธนาคาร ได้แก่ CPALL, CPAXT, MTC, KTB, KBANK และ BBL

2.ภาคบริการและท่องเที่ยว อาทิ Entertainment Complex คาดการณ์จะเห็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมและมีโอกาสเห็นการทำสัญญาของเอกชน โดยมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ AOT, BA, ERW และหุ้นที่มีกระแสข่าวสนใจในธุรกิจ Entertainment Complex คือ BTS, VGI และ AWC

3.อุตสาหกรรม S Curve ใหม่ มอง Data Center รวมถึงธุรกิจ EV น่าจะต่อยอดได้เร็วและการออกคลายข้อกฎหมายมีโอกาสทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น เหมือนในประเทศ มาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยแนะนำหุ้นได้ประโยชน์ธีม Data Center คือ WHA, GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA และ ADVICE

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นผ่านบทวิเคราะห์ว่าการแสดงวิสัยทัศน์มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยและแนวทางการแก้ปัญหานับเป็นครั้งแรกที่นายทักษิณครั้งนี้ไม่ได้พูดถึงเศรษฐกิจไทยแบบภาพรวม แต่ยกประเด็นปัญหาเป็นเรื่องๆ และข้อเสนอแนะที่ฝากให้รัฐบาลใหม่นำไปพิจารณา โดยมี 6 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

1.Digital Wallet การแจกกลุ่มเปราะบาง-คนพิการ 14.50 ล้านคน คาดการณ์เป็นบวกต่อ CPAXT ถ้าเงินงวดแรกเข้าบัตรสวัสดิการรัฐ โดยต้องทยอยใช้เป็นรายเดือน ซึ่งประชาชนจะนำไปซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

2.เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว โดยการขยายสนามบิน ซึ่ง Runway 3 สนามบินสุวรรณภูมิเตรียมจะเปิดใช้งานเป็นทางการ 1 พ.ย.นี้ อนาคตอาจมี runway ที่ 4 และสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ พร้อมปรับปรุงทั้งสนามบินหลักและต่างจังหวัดให้มากขึ้น คาดการณ์ว่ากลุ่มสายการบินและโรงแรมได้ประโยชน์ เช่น AOT, AAV, BA, BAFS, ERW, CENTEL และ MINT

3.Entertainment Complex และการให้คนต่างชาติเช่าที่ดินไทยระยะยาว อาจช่วย GDP ไทยให้โตได้เร็วขึ้น ถ้านำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดินได้จะเพิ่มสัดส่วน GDP และแก้ปัญหาหนี้ได้ มองไว้ว่าที่กรุงเทพฯ สามารถสร้างได้ 2 Entertainment Complex คาดการณ์ขนาดเงินลงทุน 1 แสนล้านบาทต่อ Complex มีหลาย functions อาทิ Sport, Concert Hall และ Casino ส่วนหากสร้างในต่างจังหวัดจะมีขนาด 5 หมื่นล้านบาทต่อ Complex

ทั้งนี้ ในส่วนของ Concert Hall คาดการณ์ว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ GRAMMY จากสถานที่จัดที่ใหญ่และดีกว่าปัจจุบัน ขณะที่ Tourism stocks จะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เช่น AOT, AAV, ERW, CENTEL และกรณีที่ตั้ง Complex ที่ใกล้สนามบินอู่ตะเภากลุ่ม BA, BTS, STEC จะได้ประโยชน์

4.การดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายคาดการณ์ว่า BEM และ BTS จะได้ประโยชน์จากประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าสาธารณะมากขึ้น

5.สร้าง Ecosystem สำหรับ EVs สนับสนุนให้ผู้ผลิต EV ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ EV พวงมาลัยขวาและต้องใช้ local supply ไทยมากขึ้น โดยมองว่าผู้ผลิตสินค้าและนำมาจำหน่ายในไทย Thai suppliers ที่น่าจะได้ประโยชน์ คือ EPG, STANLY และ SJWD

สุดท้าย คือ 6.การสนับสนุน Soft power ส่งเสริม Thai boxing, E-sport, Thai Kitchen และ Fashion พร้อมสนับสนุนผู้ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปไทยไปทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าหุ้นได้ประโยชน์ คือ PLANB มีธุรกิจจัดการแข่งขันมวยไทยและบริษัทที่ส่งออกอาหารเครื่องดื่มไทยเป็นหลัก จะได้รับประโยชน์ คือ XO, NSL, SAPPE, COCOCO และ PLUS

Back to top button