เปิดโผ “หุ้นได้-เสีย” ประโยชน์บาทแข็งรอบ 13 เดือน

เปิดโผ “หุ้นได้-เสีย” บาทแข็งในรอบ 13 เดือน แตะ 33.97 บาท/ดอลลาร์ โบรกฯแนะสอยหุ้นกลุ่ม “โรงไฟฟ้า-การบิน-นำเข้าสินค้า” รับอานิสงส์เต็ม ชู AAV-GULF-TOP เด่นสุด พร้อมแนะเลี่ยงหุ้นส่งออก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(26 ส.ค.67) ค่าเงินบาทระหว่างวันแข็งเร็ว โดยล่าสุดตามเวลาไทย ณ เวลา 12:09 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 33.97 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี 1 เดือน โดยนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 33.9500 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(26 ส.ค.67) ว่า หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า โดยล่าสุด (25 ส.ค.67) ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.91 บาท/ดอลลาร์  แข็งค่าเมื่อเทียบกับช่วงปลายเดือน มิ.ย.67 ที่อยู่ที่ 36.98 บาท/ดอลลาร์  และเป็นการแข็งค่ามากสุดในรอบ 13 เดือน เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่า เนื่องจากตลาดมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หรือมากกว่าที่คาดการ์ไว้

โดยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย.นี้ นอกจากนั้น มีปัจจัยเฉพาะของไทย เช่น จากการที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้การส่งออกทองคำค่อนข้างมาก และความชัดเจนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลทำให้ภาพรวมดูมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงภูมิภาค

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นอื่นๆ ที่จะได้รับผลบวกจาก “ค่าเงินบาทแข็งค่า” 1) กลุ่มสายการบิน AAV, BA มีโครงสร้างต้นทุนเป็นเงินสกุลดอลลาร์ราว 60% ค่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ต้นทุนลดลง, สำหรับ AAV มีหนี้เป็น USD ราว 1 พันล้านเหรียญ ทำให้จะมี unrealized FX gain ราว 1 พันล้านบาท จากทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่า

2) กลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx gain เข้ามา อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวเป็นเพียงรายการทางบัญชีและไม่ได้มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ทั้งนี้หุ้นที่มี impact จากประเด็นดังกล่าวประกอบด้วย GULF, BGRIM, GPSC, RATCH, GUNKUL

3) กลุ่มพลังงาน เนื่องจากมี Positive net exposure ต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์ต่อสกุลเงินบาทจากการมีเงินกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้อาจจะมีการบันทึก unrealized fx gain สำหรับ TOP PTTTGC ขณะที่ผลกระทบต่อ PTTEP และ SPRC น่าจะมีจำกัดเพราะมีการใช้ USD เป็น functional currency

4) กลุ่ม IT Distributor อาทิ SYNEX, SIS เนื่องจาการนำเข้าสินค้าโดยใช้เงิน USD ค่าเงินบาทแข็งค่าจะส่งผลดีด้านต้นทุน

สำหรับหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเงินบาทกลับมาแข็งค่าและมีโอกาส Outperform SET ได้มากสุด เลือก AAV, GULF, TOP

โดย AAV แนะนำซื้อราคาเป้า 3.20 บาท มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายเป็น USD ราว 60% และมีหนี้เป็น USD ราว 1 พันล้าน USD ซึ่งทุกๆ 1 บาท ที่แข็งค่าจะมี FX gain ราว 1 พันล้านมาท นอกจากนั้น ยังได้ผลมวกจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไร ไตรมาส 3/67 จะยังโดดเด่นแม้เป็นช่วง low season

ส่วน GULF  แนะนำซื้อราคาเป้า 60 บาท มีหนี้สกุล USD ราว 1.7 พันล้านเหรียญฯทำให้เกิด unrealised FX gain ราว 1.7 พันล้านบาท หากค่าเงินบาทแเข็งค่า 1 บาท ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปกติ 2H24E คาดโตได้ HoH จากการ COD โครงการใหม่เพิ่มเติม

ด้าน TOP แนะนำซื้อเป้า 65.00 บาท มีหนี้สกุล USD 67% ของหนี้ทั้งหมค ทั้งนี้ TOP มีหุ้นกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ที่ 480 ล้านเหรียญฯ ทำให้ประเมินว่าทุกๆ 1 บากที่แข็งค่า จะมี Fx gain ประมาณ 480 ล้านบาท (ไม่รวมพลกระทบจากการทำประกันความเสี่ยง (hedging) และ natural hedge) นอกจากนี้คาดผลประกอบการฟื้นตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 3/67จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread)ที่ฟื้นตัว และพรีเมียบน้ำมันน้ำมันดิบ (crude premium) ที่ลดลง

ส่วนหุ้นที่จะเสียประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าและมีโอกาส underperform SET ได้แก่ AAI แนะนำซื้อราคาเป้า 9.50 บาท,  ITC แนะนำซื้อราคาเป้า 30.00 บาท, MEGA แนะนำถือราคาเป้า 44.00 บาท, TU แนะนำซื้อราคาเป้า 18.50 บาท

Back to top button