“สุรพงษ์” ลงพื้นที่ช่วยเหลือ 3 ผู้สูญหาย เหตุอุโมงค์รถไฟฟ้าความเร็วสูงถล่ม

“สุรพงษ์ ปิยะโชติ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าช่วย 3 คนงาน เหตุอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีนช่วงคลองขนานจิตถล่ม พร้อมสั่งเสริมทีมกู้ภัยเพื่อเร่งความช่วยเหลือได้เร็วขึ้น และเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก


นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (26 สิงหาคม 2567) เวลา 14.00 น. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารระดับสูง ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิต ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้การรถไฟฯ ได้รายงานความคืบหน้าล่าสุดในการช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์ทั้ง 3 ราย ว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. เครื่องตรวจจับสัญญาณชีพได้ตรวจพบสัญญาณชีพของคนงานทั้ง 3 รายได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากยังมีอุปสรรคจากดินสไลด์ลงมาจากด้านบนอุโมงค์อย่างต่อเนื่องทำให้ต้องใช้เวลาในการขุดดินเพิ่มมากขึ้น ทีมกู้ภัยของการรถไฟฯ ได้เร่งทำงานตลอดเวลาตั้งแต่ที่เกิดเหตุอย่างเต็มความสามารถ

โดยขณะนี้ได้มีการสอดท่ออากาศที่ปั๊มออกซิเจนเข้าไปภายในแล้ว 2 จุด และได้ดำเนินการดันท่อช่วยชีวิตขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.20 เมตร ความยาวท่อนละ 6 เมตร เข้าไปแล้ว จำนวน 2 ท่อน โดยอยู่ระหว่างดำเนินการดันท่อที่สาม โดยคาดว่าจะดำเนินการครบตามแผนที่กำหนดไว้จำนวน 5-6 ท่อนคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในคืนนี้

นอกจากนี้นายสุรพงษ์ฯ ได้สั่งการให้การรถไฟฯ ประสานหน่วยงานด้านวิศวกรรมของภาครัฐและเอกชนที่มี ความเชี่ยวชาญมาเสริมทีมกู้ภัยเพื่อเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือได้เร็วมากขึ้น เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา พร้อมทั้ง ให้กำลังใจทีมกู้ภัยทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ด้านกระทรวงคมนาคมจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบสัญญาจ้างต่างๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง และจะมีการจัดทำสมุดพกตัดคะแนนผู้รับเหมา ซึ่งจะส่งผลต่อการเข้าร่วมประมูลงานอื่น ๆ ในอนาคต พร้อมเน้นย้ำให้การรถไฟฯ และบริษัทผู้รับเหมาเพิ่มมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับการก่อสร้างในทุกโครงการอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก โดยมุ่งเน้นให้คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงาน และให้ยึดถือการปฏิบัติงานตามคู่มือมาตรฐานความปลอดภัยเป็นสำคัญ และหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีกจะมีบทลงโทษขั้นสูงสุดต่อไป

Back to top button