NOBLE จ่อเปิด 5 โครงการ 1.8 หมื่นล. ดันยอด “พรีเซล” ปีนี้เข้าเป้า 2 หมื่นล้าน

NOBLE ปักธงครึ่งหลังปี 67 ลุยเปิด 5 โครงการบ้าน-คอนโดฯ มูลค่า 1.8 หมื่นล้าน แย้มตุน “แบ็กล็อก” แน่น 2.1 หมื่นล้าน รับรู้ปีนี้เฉียด 7 พันล้านบาท ย้ำพรีเซลปีนี้แตะ 2 หมื่นล้านบาท


นายศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 111 ล้านบาท

โดยเป็นผลมาจากรายได้จากยอดขายอยู่ที่ 2,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,342.70 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ เปิดโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการมูลค่ารวม 3,401 ล้านบาท และมียอด Presale อยู่ที่ 5,635 ล้านบาท ขณะที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 4,344 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้จากโครงการบ้านและคอนโดมิเนียน 6 เดือนแรกประมาณ 4,425 ล้านบาท

ขณะที่แผนธุรกิจในปี 67 บริษัทฯ จะเดินหน้าเปิดโครงการให้ได้ทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่า 21,510 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแบบคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการมูลค่า 17,230 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 4,280 ล้านบาท พร้อมกับตั้งยอด Presale อยู่ที่ 20,600 ล้านบาท และคาดการณ์รายได้อยู่ที่ 14,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เปิดเดินหน้าเปิดโครงการบ้านเดี่ยวไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรกจำนวน 2 โครงการ จากทั้งหมด 7 โครงการข้างต้นที่กล่าวมา อาทิ โครงการ NOBLE NORSE KRUNGTHEP KREETHA มูลค่า 1,480 ล้านบาท และโครงการ NUE SHADE RATCHAPRUEK มูลค่า 1,900 ล้านบาท

ส่วนโครงการที่เหลืออีก 5 โคงการ บริษัทฯ จะเดินหน้าเปิดตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 67 ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว NUE WOOD WESTGATE มูลค่า 900 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียม NUE EVO PATTANAKARN มูลค่า 2,100 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียมแบบ (JV) NUE COAST KHUKHOT STATION มูลค่า 1,470 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียม NUE EPIC ASOK – RAMA9 มูลค่า 12,500 ล้านบาท และสุดท้ายโครงการคอนโดมิเนียมโลไลท์ NUE REN CHAENGWATTANA มูลค่า 1,160 ล้านบาท

อีกทั้งบริษัทฯ ได้ดำเนินเปิดโครงการมาแล้วกว่า 16 โครงการรวมมูลค่า 31,340 ล้านบาท และโครงการของบริษัทฯ มีจุดขายที่โดดเด่น อาทิ ห้องกว้าง, สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (Facilities) และตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และการเดินทาง

ขณะที่แผนในไตรมาส 3/67 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าแคมเปญการตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์มุ่งเป้าหมายที่ลูกค้ากลุ่มไต้หวันเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เดินหน้าขยายการเข้าถึงลูกค้า อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี อีกทั้ง ในไตรมาส 3 โครงการต่างๆ ของบริษัทฯยังคงมีพื้นที่สำหรับผู้ซื้อต่างชาติเหลืออยู่จำนวนมาก

นางสาวทิพวรรณ การุณสถิตชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) สิ้นสุด ไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 21,055 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญให้บริษัทรับรู้รายได้ ภายในปีนี้ประมาณ 6,972 ล้านบาท ภายหลังโครงการสร้างเสร็จสิ้นและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า และจะทยอยรับรู้ต่อช่วง 3 ปี (68-70) จำนวน 14,083 ล้านบาท โดยจะมาจากโครงการ High Rise ที่มี งานในมือ (Backlog) จำนวน 17,429 ล้านบาท และโครงการประเภท Low Rise จำนวน 3,626 ล้านบาท

ขณะที่สิ้นสุดไตรมาส 2/67 บริษัทฯ มีโครงการที่พร้อมขายให้ลูกค้าตลอด 3-4 ปีข้างหน้า รวมมูลค่าโครงการ 33,607 ล้านบาท โดยในกลุ่มดังกล่าวมีโครงการที่สร้างเสร็จสิ้นแล้ว หรือ กำลังเสร็จสิ้นภายในปีนี้พร้อมรับรู้รายได้ในอนาคตจำนวน 15,264 ล้านบาท

“ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีทิศทางงานในมือ (Backlog) ปริ่มๆ ส่วนใหญ่แล้วบริษัทจะเริ่มรับรู้มากที่สุดใรไตรมาส 4/67 จำนวน 6,972 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯตั้งเป้ายอดขาย (Presale) ปีนี้อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการในไตรมาส 3-4” นายศิระ กล่าวทิ้งท้าย

Company snapshot

Back to top button