PTTGC มั่นใจครึ่งปีหลัง 67 โตต่อ! รับธุรกิจ “โรงกลั่น” ฟื้นตัว

PTTGC มั่นใจครึ่งปีหลัง 67 โตต่อ! รับธุรกิจโรงกลั่นมีโอกาสฟื้นตัว เนื่องจากผู้ผลิตเริ่มกลับมาสต็อกน้ำมันเพิ่มมากขึ้นเตรียมเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงไตรมาส 4 ด้านธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าราคาเคมีชนิดต่างๆ มีโอกาสฟื้นตัวได้เช่นกัน


น.ส.พรสุข ลิ้มสถิต ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 28 ส.ค. 67 ว่าแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2567 คาดการณ์ว่าธุรกิจโรงกลั่นมีโอกาสฟื้นตัว เนื่องจากผู้ผลิตเริ่มกลับมาสต็อกน้ำมันเพิ่มมากขึ้นเตรียมเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงไตรมาส 4

ด้านธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าราคาเคมีชนิดต่างๆ มีโอกาสฟื้นตัวได้เช่นกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากผู้ผลิตในตลาดควบคุมกำลังการผลิตทำให้อุปทานลดลง และความต้องการเคมีเพื่อผลิตสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อรองรับเทศกาลช่วงปีใหม่ และราคาน้ำมันดิบ (Crude Oil) ในปี 67 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 80-84 ดอลลาร์/บาร์เรล มีปัจจัยสนับสนุนมาจากความไม่สงบระหว่างยูเครนและรัสเซีย และกลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังการผลิตถึงช่วงไตรมาส 3/67 ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก.ย.นี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบมาจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวทั้งในสหรัฐฯ-จีน

ส่วนความคืบหน้าการปรับโครงสร้างธุรกิจที่สำคัญ 2 โครงการ ได้แก่ ธุรกิจ Vencorex หลังจากในช่วงปี 66 ขาดทุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทฯ เร่งเข้าไปบริหารจัดการต้นทุน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/67 และธุรกิจ PTT Asahi Chemical (PTTAC) ซึ่งช่วงพ.ค.พาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นได้ตั้งสำรองด้อยค่าธุรกิจ ซึ่ง PTTGC อยู่ระหว่างทบทวนโมเดลธุรกิจ คาดพิจารณาแล้วเสร็จช่วงครึ่งปีหลัง

 “กลยุทธ์รูปแบบใหม่จะใช้ 5 เสาหลักบวก 1 ได้แก่ การปรับธุรกิจในพอร์ตให้แข็งแรง, ธุรกิจในกลุ่มที่มีอนาคตจะทำกลยุทธ์ต่อไปอย่างไรให้แข็งขันได้, รุกธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ, เร่งพัฒนากลุ่มบริษัท Allnex ให้เติบโต โดยเฉพาะการรุกเข้าไปในอินเดีย, การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน และสุดท้ายคือการสนับสนุนนวัตกรรมต่างๆ” น.ส.พรสุข กล่าว

น.ส.พรสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมเงินลงทุน (Capex) ในช่วงปี 67-73 ยังคงดำเนินการตามแผนเดิมคือจะใช้ประมาณ 2,344 ล้านดอลลาร์ โดยในปี 67 จะใช้ประมาณ 276 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในช่วง 3-4 ปีนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเข้าลงทุนในAllnex เพื่อเป็นเรือธงสำหรับธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty chemicals) ซึ่งภายในปี 73 คาดว่าธุรกิจกลุ่ม Allnex จะมี EBITDA อยู่ที่ระดับ 600 ล้านยูโร จากปัจจุบันที่ 300 ล้านยูโร

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 1,845.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 5,591.40 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ขายอยู่ที่ 167,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ รวมถึงจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป และกลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง

นอกจากนี้ ยังมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐจำนวน 2,895 ล้านบาทเกิดขึ้นในไตรมาส 2  และกำไรจากการขายหุ้น PTT Digital จำนวน 247.5 ล้านบาท เป็นหลัก พร้อมกับบริษัทฯ มีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 2/67 สุทธิจำนวน 52 ล้านบาทจากกำไรของตราสารอนุพันธ์ทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญโดยบริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 135 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 1,239.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 5,508.95 ล้านบาท

Back to top button