“กรมชล” เร่งบริหารน้ำ หลัง “อุตุฯ” คาดสัปดาห์หน้าฝนตกหนัก
“กรมชลประทาน” เร่งบริหารจัดการน้ำ หลังกรมอุตุฯ คาดช่วงต้นเดือนหน้ามีฝนตกหนักพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง รวมถึงภาคตะวันออก
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำวันนี้ว่า ฝนที่ตกเพิ่มในพื้นที่ทางตอนบนของประเทศในขณะนี้ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มขึ้น อาทิ ในลุ่มน้ำยมที่สถานีวัดน้ำ Y37 บ้านวังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ และที่สถานีวัดน้ำ Y14A อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5 เมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยม ด้วยการผันน้ำบางส่วนลงแม่น้ำน่าน และแม่น้ำยมสายเก่าเข้าไปเก็บไว้ที่พื้นที่หน่วงน้ำทุ่งบางระกำ ขณะนี้รับน้ำเข้าพื้นที่ไปแล้วประมาณ 62 ล้าน ลบ.ม.(15%)
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นเดือนก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง รวมถึงภาคตะวันออก จึงยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป
นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงวันที่ 30-31 ส.ค. นี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานครบางพื้นที่ ยกตัวสูงขึ้น แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมและพื้นที่เศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ จ.สุโขทัย ตั้งแต่ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรค์โลก อ.ศรีสำโรง และอ.เมืองสุโขทัยนั้น ปัจจุบันระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่บางส่วนบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยม กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากทุ่งลงแม่น้ำยมให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นและเตรียมรองรับปริมาณฝนตกในพื้นที่
ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำน่าน ที่มีปริมาณฝนตกเพิ่มเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังไม่ล้นตลิ่ง โดยปริมาณน้ำจากแม่น้ำน่านจะไหลมารวมกับแม่น้ำยมที่สถานีวัดน้ำ C2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,273 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลต่อเนื่องให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น
กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในปริมาณที่จำเป็นเท่านั้น พร้อมปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในอัตรา 1,300 ลบ.ม./วินาที เพื่อเร่งระบายน้ำทางตอนบนลงสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด
โดยปริมาณน้ำที่ระบายดังกล่าวจะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 50 ซม. ถึง 1.50 เมตร โดยที่สถานีบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยในอัตรา 1,300 ลบ.ม./วินาที