UAC แย้มผลงานไตรมาส 4 สดใส! จ่อบุ๊กรายได้ขายหุ้น “BBGI-BI” 371 ล้านบาท
UAC แย้มครึ่งหลังปี 67 เตรียม COD โรงไฟฟ้าภูผาม่าน กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ พร้อมแย้มผลงานไตรมาส 4 สดใส! จ่อบุ๊กรายได้ขายหุ้น BBGI-BI มูลค่า 371 ล้านบาท
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึง ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2567 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าและพัฒนาโครงการที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าภูผาม่าน (PPM) เตรียม COD เครื่อง Generator#2 กำลังการผลิต 1.5 MW. ในไตรมาส 3/2567
ขณะที่ด้านโครงการ PT Cahaya Yasa Cipta (CYC) ซึ่งเป็นโปรเจกต์ร่วมทุนของ บริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย RDF3 ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 40,000 ตัน/ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานและคาดการณ์ว่าจะ COD ภายในปี 2567
อีกทั้ง คาดการณ์ว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายหุ้นสามัญใน บริษัท บีบีจีไอ ไบโอดีเซล จํากัด (“BBGI-BI”) จำนวน 844,498 หุ้น คิดเป็น 30% ให้กับ บริษัท บีบีจีไอ จํากัด (มหาชน) หรือ BBGI มูลค่ารวม 370.50 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ของบริษัทในอนาคต ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างความมั่นคงและผลตอบแทนให้กับบริษัทฯ ได้ในระยะยาว
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2567 UAC เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเติบโตอย่างโดดเด่นแตะที่ระดับ 934.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.65 ล้านบาท หรือ 17.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท และ EBITDA จำนวน 91.41 ล้านบาท และ 210.61 ล้านบาท ตามลำดับ และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม อยู่ที่ 41.03 ล้านบาท
โดยปัจจัยการเติบโตของการดำเนินงานในครั้งปีแรกมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจ Trading มีรายได้รวม จำนวน 733.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้สินค้าในกลุ่มธุรกิจ Trading – Energy ซึ่งมี Margin สูงกว่าที่ประมาณการไว้ และยังมีงานในมือ (backlog) ที่รอการส่งมอบตามแผน ขณะที่กลุ่ม Industrial และ Export & Others กลับมียอดขายลดลง
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ Manufacturing – Energy มีรายได้รวม จำนวน 87.83 ล้านบาท ลดลง 5.62 ล้านบาท หรือ 6.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโรงงาน PPP มีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและได้รับวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิต ขณะที่โรงไฟฟ้าพืชพลังงานแม่แตง โรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยังคงผลิตไฟฟ้าได้ตามแผนที่วางไว้ มีการทยอยรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพืชพลังงานภูผาม่านที่ผลิตไฟฟ้าได้ 50% – 55% ของกำลังการผลิต 1.5 MW. ด้านโรงงานผลิต RDF3 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สามารถผลิตได้ 100 ตัน/วัน และส่งจำหน่าย RDF3 ให้กับโรงปูน KCL ได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Manufacturing – Petroleum มีรายได้รวม จำนวน 113.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.16 ล้านบาท หรือ 827.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการผลิตน้ำมันดิบ 200 – 240 BPD และมี Margin ที่ 80% โดยมีแผนจัดหาอุปกรณ์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 320 BPD ภายในไตรมาส 4/2567 ผลิตภัณฑ์ Associated Natural Gas อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพื่ออนุมัติราคาซื้อขาย