โบรกคัด 11 หุ้น Domestic Play รับเทรนด์ดอกเบี้ยลด-เม็ดเงิน “กองทุนวายุภักษ์”

“ฟินันเซีย ไซรัส” มองตลาดหุ้นไทยยังไปต่อตามเป้า 1,470 จุด หลังไร้ความกดดันการเมืองในประเทศ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ ชู 11 หุ้น Domestic Play น่าลงทุน


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ระบุในบทวิเคราะห์ หลังมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะเริ่มลดลงในเดือน ก.ย.67 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตลาดแรงงานไม่ได้กดดันเงินเฟ้ออีกต่อไป

โดยปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 100 bps ในปีนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยคิดว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่การจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราการว่างงานของ เดือน ส.ค. 67 ที่กำลังจะมาถึง หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดการณ์มาก ปัจจัยดังกล่าวอาจจุดกระแสความกลัวเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง

สำหรับประเทศไทย ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% แต่เปิดกว้างเพิ่มขึ้น สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตเนื่องจาก ธปท. กล่าวถึงการเฝ้าสังเกตการณ์ Downside จากการลงทุน ภาคเอกชนและการบริโภครวมถึงสภาวะทางการเงินที่ตึงตัวมากยิ่งขึ้นของ SMEs และครัวเรือนที่มีความเปราะบาง

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ SET เริ่มต้นในปี 30 เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมา 7 รอบ ขณะที่ ธปท.ปรับลดลงมา 5 รอบนับตั้งแต่ปี 43 การศึกษาของฝ่ายวิเคราะห์พบว่า ตลาดหุ้นไทยมักจะปรับขึ้นในช่วงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยเฉพาะจาก ธปท. โดยดัชนีได้ปรับขึ้น 7% โดยเฉลี่ยในช่วง 1 เดือนหลังการปรับลดครั้งแรกและปรับขึ้นต่อเนื่องถึง 23.60% และ 25.10% ในช่วง 6 เดือนและ 12 เดือนตามลำดับ

โดยฝ่ายวิเคราะห์มองว่าควรอ้างอิงช่วงปี 44-46 และปี 55-57 เนื่องจากมีแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในทิศทางคล้ายกัน ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า SET อาจปรับขึ้นแรงถึง 10-20% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจากจุด ต่ำสุดก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยได้รับการแก้ไขหลังการเลือก นางแพทองธาร ชินวัตรเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจของตลาดและความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึงจาก ครม. ใหม่ มาตรการ Digital Wallet 10,000 บาท จะเริ่มอัดฉีดเงินให้แก่กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ 14.50 ล้านรายเป็นเงินสดก่อนซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม อาจเป็นอัพไซด์ต่อ GDP ในช่วงไตรมาส 4/67 ถึงปี 68

นอกจากนี้ GDP ของไทยและกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/67 ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวได้ตามคาดการณ์น่าจะช่วยจำกัดดาวน์ไซด์แก่ประมาณการ EPS ปี 67

ดังนั้น จึงยังคงเป้า SET ในปี 67 ที่ 1,470 จุด พร้อมแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่หายไป จึงคิดว่าดัชนีน่าจะกลับมาเน้นที่แนวโน้มเศรษฐกิจ ขณะที่การกลับมาของกองทุนวายุภักษ์จะช่วยหนุนดัชนีในไตรมาส 4/67 จากเม็ดเงินใหม่ 1-1.50 แสนล้านบาท ที่จะเข้ามาสู่ตลาด

โดยฝ่ายวิเคราะห์ยังชอบหุ้น Domestic Play โดยเฉพาะที่มี ESG rating สูง ซึ่งน่าจะกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีกว่าหุ้น Global Play ซึ่งหุ้นเด่นของเราประกอบด้วย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL, บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU

Back to top button