OSP จำหน่ายเงินลงทุน “MGE-MGG” ธุรกิจขวดแก้วในเมียนมาร์
OSP จำหน่ายเงินลงทุน “เมียนมาร์ โกลเด้น อีเกิ้ล หรือ MGE-เมียนมาร์ โกลเด้น กลาส หรือ MGG” ธุรกิจผลิต-จำหน่ายขวดแก้วในเมียนมาร์ มูลค่ารวม 136 ล้านบาท ตามกลยุทธ์การปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่มุ่งสร้างความแข็งแรง-ขยายการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก คาดธุรกรรมแล้วเสร็จภายในปีนี้
นางวรรณิภา ภักดีบุตร Chief Executive Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทสไทย(ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ได้มีมติให้จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น อีเกิ้ล จำกัด (MGE) และบริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น กลาส จำกัด (MGG) (รวมเรียก MGE Group) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่บริษัทย่อยของบริษัทฯมีสัดส่วนความเป็นเจ้าของร้อยละ 35.00% และ 51.84% ตามลำดับ ให้บริษัท Marlarmyaing Public Company Limited (ไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ)
โดย MGE Group ดำเนินธุรกิจให้บริการผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้ว(OEM)ในประเทศเมียนมาร์และให้บริษัทย่อยเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อนในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขผูกพันภายใต้สัญญาดังกล่าวรวมทั้งการรับชำระเงินเพื่อให้ธุรกรรมมีผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในปี 2567 ซึ่งปัจจุบันเงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าเงินลงทุนคงเหลือประมาณ 136 ล้านบาท และบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 มีภาระค้ำประกันเงินกู้ให้ MGE Group เป็นจำนวนประมาณ 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา และ 15,558 ล้านเมียนมาร์จัต
ทั้งนี้การจำหน่ายเงินลงทุนใน MGE Group ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์การปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ที่มุ่งสร้างความแข็งแรงและขยายการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก (Core businesses) ควบคู่กับการพิจารณาผลการดำเนินงาน และการจำหน่ายเงินลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core businesses) รวมถึงธุรกิจที่บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นน้อยหรือไม่มีอำนาจ ควบคุมและการจำหน่ายเงินลงทุนนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศเมียนมาร์ของบริษัทฯ รวมถึงการดำเนินงานของธุรกิจหลัก (Core businesses) ทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม บริษัทโอสถสภาแต่อย่างใด
โดยบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้และเพิ่มอัตรากำไรจากธุรกิจหลักอย่าง ต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวและสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโต 5 ปีของโอสถสภา