KBANK มองกรอบบาทสัปดาห์หน้า 33.50-34.50 บ. จับตาเงินเฟ้อไทย-โฟลว์ต่างชาติ-ราคาทอง
KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า 33.50-34.50 บาท/ดอลลาร์ แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของไทย สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (2-6 ก.ย.) ที่ 33.50-34.50 บาท/ดอลลาร์ จากในวันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 67 เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 13 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.84 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ 33.88 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงต้นสัปดาห์เงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาคท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนก.ย. นี้ ประกอบกับน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
ทั้งนี้ กรอบการแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนตามแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางสัญญาณที่ตึงเครียดมากขึ้นในตะวันออกกลาง ประกอบกับตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/67 ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด (US GDP +3.0% QoQ, saar ในไตรมาส 2/67 สูงกว่าตลาดคาดที่ +2.8% และสูงกว่า +1.4% ในไตรมาส 1/67)
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาแข็งค่าและทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 13 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.84 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางเงินหยวนที่แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 ปีในตลาด Offshore ขณะที่ เงินดอลลาร์ขาดแรงหนุนในช่วงก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE และ Core PCE ของสหรัฐฯ ในช่วงตลาดนิวยอร์กวันศุกร์
สำหรับในสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของไทย สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนส.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟด
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น จีน อังกฤษ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน