SCC โบรกชี้เป้าธุรกิจ “โพลีเอทิลีน-ซีเมนต์” ฟื้นตัวชัดปี 68

SCC โบรกชี้เป้าธุรกิจ “โพลีเอทิลีน-ซีเมนต์” ฟื้นตัวชัดปี 68 ขานรับรัฐอัดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 247 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ วันนี้ (2 ก.ย.67) คาดการณ์กำไรของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ในแต่ละหน่วยธุรกิจเติบโตขึ้น ยกเว้นหน่วยธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีผลประกอบการติดลบอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท จากกำไร 2.1 พันล้านบาท ในครึ่งปีแรก ขณะที่ผลขาดทุน 4.8 พันล้านบาท ของบริษัทมาจากโครงการ LSP และอีก 402 ล้านบาท มาจากเหตุการณ์ไฟไหม้

อย่างไรก็ตาม เฉพาะธุรกิจเคมีภัณฑ์ในไทยเท่านั้นที่ยังเห็นผลการดำเนินงานเป็นบวก โดยมีกำไรอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจากธุรกิจ PVC, ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) อย่างไรก็ตาม SCC ระบุว่าแนวโน้มธุรกิจเคมีภัณฑ์ในครึ่งปีหลังยังมีความท้าทายที่สูง

ทั้งนี้ ในส่วนของส่วนต่างของราคาโพลีเอทิลีน (PE) ที่ก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังนี้แต่อาจต้องเลื่อนไปยัง 2568 เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกยังต่ำ สำหรับส่วนต่างราคาของโพลีโพรพิลีนคาดการณ์ว่าจะเห็นจุดเปลี่ยนเว้า (inflection point) ในปี 2568 ส่วนธุรกิจ LSP นั้นจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนคงที่ที่สูงขึ้นจาก 600 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 1 พันล้านบาทต่อเดือน และจากอุปสงค์ที่ยังอ่อนตัวอยู่ทำให้ SCC จะต้องปรับการผลิตของ ROC, MOC และ LSP อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของฝ่ายนักวิเคราะห์หน่วยธุรกิจซีเมนต์ของ SCC ซึ่งลดลง 9-10% ในครึ่งปีแรก อาจเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นในปี 2568 จากการใช้จ่ายของภาครัฐ แม้ว่าทางฝ่ายบริหารของ SCC จะยังไม่คาดหวังว่าจะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนใน ไตรมาส 3 ปี 2567 โดยธุรกิจปูนคาร์บอนต่ำจะเป็นสินค้าสำคัญของบริษัท ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถทำให้เป็นคาร์บอนต่ำได้ 100% ในปีนี้ และจะเริ่มการผลิตที่เป็นคาร์บอนต่ำใหม่ในปีหน้า 2568

นอกจากนั้นแล้ว บริษัทยังเตรียมที่จะปรับเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกขึ้นเป็น 50% ในครึ่งปีหลังจากเดิมอยู่ที่ 47% ในครึ่งปีแรก โดยระดับของการผสมของเชื้อเพลิงทางเลือกจะเต็มอยู่ที่ 60% ซึ่งเชื้อเพลิงทางเลือกนี้จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าพลังงานแบบดั้งเดิมอย่างเช่นถ่านหิน แต่ในขณะเดียวกันก็มีค่าขนส่งที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม SCC มีความเชี่ยวชาญทางด้านการขนส่ง จึงสามารถทำให้ต้นทุนปรับลดลงมาได้ ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังมองว่า SCC ยังจะมีพัฒนาการที่ต่ำกว่าตลาดโดยรวมอยู่จากหน่วยธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดในพอร์ต แม้หน่วยธุรกิจอื่นๆ จะเห็นการฟื้นตัวที่ดีก็ตาม โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 247 บาท

Back to top button