GUNKUL บวก 2% รับแผนปั๊มรายได้หมื่นล้านบาท โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 5 บาท

GUNKUL บวกต่อ 2% รับแผนธุรกิจปั๊มรายได้ปีนี้แตะ 10,000 ล้านบาท ด้านบอร์ดเคาะปันผล 0.08 บาทต่อหุ้น โดยคิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนกว่า 4% กำหนดจ่าย 5 ก.ย.นี้ ขณะที่โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ณ เวลา 11:41 น. อยู่ที่ระดับ 2.42 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.68% สูงสุดที่ระดับ 2.44 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34.37 ล้านบาท

นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่าทิศทางผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปี 2567 คาดว่าจะยังเติบโตตามเป้าหมาย โดยบริษัทวางเป้ารายได้รวมปีนี้ไว้ 9,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีรายได้รวม 5,002 ล้านบาท ยังเหลืออีกกว่า 4,000 ล้านบาท จะเห็นว่ารายได้ส่วนงานขายสินค้า รายได้จากการขายไฟฟ้า รวมถึงรายได้จากกลุ่มงานก่อสร้าง (EPC) และการให้บริการที่ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนรายได้ปีนี้ให้ใกล้เคียง 10,000 ล้านบาท

โดยปัจจุบันงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ของบริษัท มี backlog อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารับรู้รายได้ปีนี้ 2,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 1,593 เมกะวัตต์คาดช่วงครึ่งหลังของปีนี้รายได้จะเพิ่มขึ้นทั้งโซลาร์และพลังงานลมโดยเฉพาะพลังงานลมที่จะรับผลดีจากช่วงไฮซีซั่นในช่วงไตรมาส 3-4 และรายได้จากงานขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน

สำหรับการเติบโตของ GUNKUL ช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเทรดดิ้ง ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็น 3 การไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วน 66% เอกชน 25% และพลังงานทดแทน 9% ตั้งเป้ารายได้ปี 2567-2569 ไว้ที่ 2,200 ล้านบาท 2,600 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโตปีละ 15-18% ส่วนกลุ่มธุรกิจ EPC ตั้งเป้ารับรู้รายได้ปี 2567-2569 ไว้ที่ 2,800 ล้านบาท 3,060 ล้านบาท และ 3,330 ล้านบาท ตามลำดับ โดยคงรักษา backlog ไว้ที่ระดับ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าปัจจุบัน COD แล้วรวม 1,464 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปีข้างหน้า หรือเติบโต 40% มาจากโครงการพลังงานหมุนเวียน บริษัทมองว่าพลังงานหมุนเวียนมีโอกาสเติบโตอีกมาก ล่าสุดที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 บริษัทยื่นทั้งสิ้น 21 โครงการ กำลังผลิตรวม 1,246 เมกะวัตต์ ได้รับคัดเลือก 17 โครงการ รวม 832.4 เมกะวัตต์ และในเฟส 2 ที่กกพ.จะเปิดรับซื้ออีก 3,669 เมกะวัตต์ ยังมีโครงการของบริษัทที่ไม่ผ่านรอบแรกด้วยที่คาดว่าจะรับโควตาในรอบนี้ และยังมีโอกาสเข้าประมูลเพิ่มเติมในโควตาส่วนที่เหลืออีกด้วย

ส่วน 17 โครงการที่บริษัทผ่านการคัดเลือกในรอบแรกนั้น แบ่งเป็น โครงการโซลาร์ 15 โครงการ และพลังงานลม 2 โครงการ ซึ่งโครงการโซลาร์ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว จะทยอย COD ในปี 2569-2573 แบ่งเป็น ปี 2569 อยู่ที่ 177 เมกะวัตต์, ปี 2571 อยู่ที่ 48 เมกะวัตต์, ปี 2572 อยู่ที่ 371 เมกะวัตต์ และปี 2573 อยู่ที่ 236 เมกะวัตต์ ส่งผลให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามโครงการพลังงานลมของบริษัท ที่จะเริ่มหมด Adder ในปี 2569 นั้นจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท เนื่องจากมีโครงการเข้ามาทดแทน นอกจากนี้ในแผน PDP2024 ยังมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอีกมาก

“บริษัทมีเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3-5 ปี ไม่ต่ำกว่า 15% จากการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วกว่า 832 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศที่จะเพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Backlog งานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า และงานบริการก่อสร้างที่มีอยู่กว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าบริษัทฯ จะมีการใช้เงินลงทุนในส่วนทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต” นายสมบูรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมติอนุมัติให้จ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท หรือเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 4% โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายนนี้

ทั้งนี้ รายงานจาก LSEG CONSENSUS ประมาณการรายได้ปี 2567 ของ GUNKUL ที่ 8,358 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,547.50 ล้านบาท ราคาเป้าหมาย 3.72 บาท จาก 4 โบรกเกอร์

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ ( 4 ก.ย.67) ว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” GUNKUL ให้ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท โดยมีมุมมองเป็นบวกจากงาน SET Opportunity Day เมื่อ 3 ก.ย.67 หลังธุรกิจมีพัฒนาการที่ดีตามแผน

โดยสรุปประเด็นดังนี้ 1. ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน สำหรับการประมูลเฟสสอง 3.7GW บริษัทพร้อม resubmit ในส่วนของผู้เข้าประมูลรายเดิมราว 0.4GW และพร้อมเข้าร่วมในส่วนของโครงการใหม่เพิ่มเติม ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้า มีกำลังการผลิตรวมที่ระดับ 2.0GW ในปี 2569 จากปัจจุบันมีโครงการรองรับแล้วราว 1.5GW

2.ธุรกิจ EPC ปัจจุบันมี backlog ราว 4 พันล้านบาท ยังคงเข้าประมูลต่อเนื่อง และตั้งเป้ารักษาระดับ backlog ที่ 4-5 พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทประเมินตลาดยังมีศักยภาพ โดยประเมินมีมูลค่างานไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท เป็น potential ในช่วง 2567- 2569

3. ธุรกิจ Trading มี outlook ที่ดีจากการลงทุนเพิ่มเติมของหน่วยงานรัฐฯ รวมถึงโครงการพลังงานทดแทนในไทยที่จะเริ่มทยอย COD ในปี 2567-2573 เป็นปัจจัยหนุน เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังปี 2567 กำไรเติบโตได้เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปีก่อน หนุนโดยการเกิด La Nina ในครึ่งหลังปี 2567 คาดว่าจะช่วยให้โรงไฟฟ้าพลังงานลมมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง และงาน EPC ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้มากขึ้นในครึ่งหลังปี 2567 เป็นอีกปัจจัยบวก

ราคาหุ้นกลับมา outperform SET +8% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คาดว่าตลาดกลับมาให้น้ำหนักผลประกอบการที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปีก่อน ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 จาก high season โรงไฟฟ้าพลังงานลม และรับรู้รายได้ EPC มากขึ้น รวมถึง positive sentiment จากการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเฟสสอง 3.6GW ในช่วงปลายปี 2567 คาดปัจจัยดังกล่าวยังคงหนุนให้หุ้น outperform ต่อเนื่อง

Back to top button