Intel เสี่ยงหลุด “ดัชนีดาวโจนส์” หลังราคาหุ้นปี 67 ทรุดหนัก 60%

หุ้น “อินเทล” มีโอกาสถูกถอดออกจากการคำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังปีนี้ปรับตัวลดลงหนักว่า 60% และมีราคาต่ำที่สุดในดัชนีดาวโจนส์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีราคาหุ้น อินเทล (Intel) บริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการคำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลงอย่างหนักเกือบ 60% ในปีนี้ จนทำให้กลายเป็นหุ้นที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุด และมีราคาต่ำที่สุดในดัชนีดาวโจนส์ ส่งผลให้นักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ว่า Intel อาจจะถูกถอดออกจากดัชนีดาวโจนส์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นอินเทลร่วงลงประมาณ 7% ในวันอังคาร (3 ก.ย.) ท่ามกลางแรงเทขายที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง โดยดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลงเกือบ 6% หลังจากยูบีเอส ซิเคียวริตีส์ ระบุว่า ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกลดลง 11.1% ในเดือนก.ค.จากระดับของเดือนมิ.ย.

การถูกถอดออกจากดัชนีดาวโจนส์จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของอินเทลซึ่งได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้ว หลังจากบริษัทได้พลาดโอกาสที่ได้ประโยชน์จากกระแสความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายหลังจากอินเทลได้ปฏิเสธการลงทุนในบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) และกำลังประสบกับการขาดทุนเพิ่มขึ้นในธุรกิจการผลิตชิปสัญญาจ้างซึ่งเป็นธุรกิจที่อินเทลก่อตั้งขึ้นด้วยความหวังที่ว่าจะสามารถแข่งกับบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC)

ทั้งนี้ อินเทลได้พยายามระดมทุนเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ ด้วยการระงับการจ่ายเงินปันผลและปลดพนักงาน 15% ของการจ้างงานในระหว่างการรายงานผลประกอบการเมื่อเดือนที่แล้ว แต่นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการดำเนินการเหล่านี้อาจจะน้อยเกินไปและสายเกินไปสำหรับอินเทล

ด้านบริษัทเอสแอนด์พี ดาวโจนส์ อินดิซีส (S&P Dow Jones Indices) ซึ่งเป็นผู้บริหารดัชนีดาวโจนส์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าจะถอดอินเทลออกจากดัชนีดาวโจนส์หรือไม่

Back to top button