รวมไฮไลท์วันที่ 2 สภาฯพิจารณางบ 68 ฝ่ายค้านชำแหละ – รัฐบาลแจงยิบ

ประมวลภาพรวมอภิปรายงบประมาณ 68 ในวันที่ 2 ถกต่อวันสุดท้าย ก่อนลงมติวาระ 3 ภายในคืนนี้


สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วาระที่ 2 มีหลายเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในที่ประชุม และ หลายประเด็นที่น่าชวนคิดต่อเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ 2568 ไล่เรียงได้ดังต่อไปนี้

  • นายวีระ ธีระภัทรานนท์ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 อภิปรายในมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.งบฯ 68 ขอลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ตั้งไว้ 3.75 ล้านล้านบาท เหลือ 3.56 ล้านล้านบาท โดยระบุว่า งบฯ 2568 มีที่มาจาก 2 ทางด้วยกัน ได้แก่ รายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ 2.887 ล้านล้านบาท และ จากการกู้เงินเพื่อชดเชยรายได้ที่ไม่เพียงพอ 865,000 ล้านบาท ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล “ พูดแบบชาวบ้านก็คือ เงินกูไม่พอ เลยต้องใช้เงินกู้มาเติม ตรงนี้ตนมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจัดงบประมาณขาดดุล แล้วก็กู้เงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนทำให้ภาระหนี้สินในรูปของหนี้สาธารณะพอกพูนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

  • น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า ขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ลงอีกราว 2 แสนล้านบาท ให้เหลือ 3.5 ล้านล้านบาท โดยได้ยกตัวอย่าง 5 อันดับกระทรวง/หน่วยงานที่ปรับลดงบฯ สูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักนายกรัฐมนตรี และ กระทรวงกลาโหม รวมแล้วตัดได้ราว 40,000 ล้านบาท แต่ปัญหาคือการปรับลดงบฯ ครั้งนี้ มีส่วนที่ไม่ควรตัดก็ไปตัด งบกลางจะถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จนถึงวันนี้ วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น โดยเฟสแรก เปลี่ยนเป็นการแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน 14.5 ล้านคน 145,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2567 จากสองส่วน ได้แก่ พ.ร.บ.งบฯ 2567 เพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท และงบกลาง 23,000 ล้านบาท แต่นั่นทำให้ยังคงมีงบอีกหนึ่งก้อนที่รัฐบาลต้องหามาอีก 305,000 ล้านบาท จนถึงวันนี้ยังไม่ได้มีความชัดเจน ซึ่งเข้าใจว่าเพราะรัฐบาลยังไม่ได้ถวายสัตย์ ยังไม่ได้แถลงนโยบายว่าเงินที่เหลือจะแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ หรือจะแจกผ่านอะไรเท่าไหร่ ทุกอย่างต้องรอให้เกิดความชัดเจน หลังมี ครม. ใหม่ “ตรงนี้เราต้องเลิกเรียกว่าดิจิทัลวอลเล็ตได้แล้ว เพราะมันไม่ใช่ดิจิทัลและไม่ได้มีวอลเล็ตแล้ว ปรับเป็นการแจกเป็นเงินสด แต่นั่นทำให้ยังคงมีงบอีกหนึ่งก้อน ที่แจกให้ครบ 45 ล้านคน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องหามาอีก 305,000 ล้านบาท จนถึงวันนี้ยังไม่ได้มีความชัดเจนแต่อย่างใด

 

  • นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธาน กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบฯ68 ชี้แจงในส่วนของงบกลาง ว่า ในส่วนของงบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนที่ห่วงในการเปลี่ยนแปลงงบของธนาคารรัฐ 5 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ซึ่งได้ตั้งในงบประมาณวาระแรก ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ( ครม.) แล ะเสนอต่อสภา ซึ่งได้รับความเห็นชอบในการพิจารณาวาระแรก ทั้งนี้ การเสนอการเปลี่ยนแปลงรัฐวิสาหกิจทั้ง 5 แห่ง จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท เพราะ ได้ทบทวนแล้ว และ ปรับลดงบที่ชะลอดำเนินการได้เพื่อให้รัฐบาลใช้นโยบายในโครงการเร่งด่วน ยืนยันไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่ได้ปรับลดในมาตรา 40 รายจ่ายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ แผนบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ซึ่งได้ตั้งไว้ 4.1 แสนล้านบาท ซึ่งจำนวนดังกล่าวมี 2.8 หมื่นล้านบาท ในการชำระหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่ได้ปรับลดจนชำระคืนในสัดส่วนที่ต้องชำระคืน ซึ่งกระบวนการพิจารณาในชั้น กมธ. ในการเปลี่ยนแปลงงบรายจ่าย มาตรา 29 เป็นมาตรา 6 นั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ”

 

  • คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วุฒิสภา นำโดย นายเศรณี อนิลบล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษก กมธ. เปิดเผยว่า ทางกมธ.วุฒิสภา ให้ความสนใจงบประมาณที่ใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยได้มีการสอบถามไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการเตรียมการอย่างไรต่อไป ซึ่งได้รับการตอบมาว่า ต้องรอนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภา ถึงจะเริ่มขั้นตอนดำเนินการโครงการได้ ซึ่งเมื่อรับฟังคำตอบ ทางกมธ. ไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด พร้อมดำเนินการตามรัฐบาล

 

  • นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่วมอภิปรายว่า การพัฒนาคนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาชาติ นับวันงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพลดลง ที่ผ่านมาเคยมีประวัติศาสตร์การซื้อแท็บเล็ตให้โรงเรียนเคยเกิดปัญหา ซึ่งปีนี้ตั้งงบประมาณผูกพัน 1,000 กว่าล้านบาท ห่วงเรื่องการเช่าซื้อ รวมถึงการเตรียมความพร้อมของครูที่จะใช้กับนักเรียน ตนเองเป็นครูมาทั้งชีวิต ปลายเดือนกันยายนของทุกปีครูจะต้องไปอบรม โดยมองว่าไม่จำเป็น ส่วนเรื่องอาคารสถานที่ไม่เกิดความเสมอภาค โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ชายขอบ พร้อมฝากรัฐบาลดูแลแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินครูด้วย โดยขอปรับลดงบประมาณลง 10%

 

  • นางนันทนา สงฆ์ประชา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ทุกคนตระหนักดีว่าการพัฒนาการศึกษา คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การแนะนำของสมาชิกเป็นสิ่งที่ดีเพื่อต้องการระบบการศึกษาให้ดีขึ้น และ ขอยืนยันตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก

สำหรับในวันนี้ ( 5 ก.ย.67 ) จะประชุมต่อในมาตรา 25 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานในกำกับ ซึ่งเป็นการพิจารณาวันสุดท้าย และ หลังจากพิจารณาในวาระ 2 เสร็จ จะเข้าสู่วาระ 3 เพื่อลงมติ

Back to top button