แรงซื้อธีม “วายุภักษ์” ดัน SET ทะยานต่อ 21 จุด

SET เช้าพุ่ง 21 จุด รับแรงซื้อธีม “วายุภักษ์” ฟาก “กรุงศรี” ระบุสถิติเดิมปี 46 หลังวายุภักษ์เข้าเทรดต่างชาติ กลับมาซื้อต่อเนื่อง 4 ปี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปรับตัวขึ้นแรง โดยล่าสุด ณ เวลา 10:17 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,426.64 จุด บวก 21.36 จุด หรือ 1.52% มูลค่าการซื้อขาย 2.17 หมื่นล้านบาท

โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ ตอบรับปัจจัยบวกในประเทศหลังจากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านพ้นไปด้วยดี และกำลังจะแถลงนโยรัฐบาลในสัปดาห์หน้าก่อนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่เต็มรูปแบบ รวมทั้งเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนวายุภักษ์ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาด ขณะที่เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องหนุน Fund Flow ไหลเข้า

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS กล่าวว่า กองทุนวายุภักษ์ที่จะเปิดขายเร็ว ๆ นี้ จะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันที่จะเข้าไปลงทุนเนื่องจากมีการคุ้มครองเงินต้น และมีผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะกองทุนของภาครัฐและกองทุนส่วนบุคคล หรือ Private Fund

โดยประเมินภาพการลงทุนทิศทางตลาดหุ้นไทย ช่วงที่เหลือปี 67 ในทางบวก คาดการณ์เม็ดเงินใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยจากกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท ผสานเม็ดเงินกองทุน ThaiESG มีผล 3 เดือน เดือนละ 6-7 พันล้านบาท ต่อยอดด้วยเม็ดเงิน ThaiESG เต็มปีในปี 2568  อีก 7.8 หมื่นล้านบาท จะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปีนี้ ประเมินที่ 1,540 จุด

สำหรับกลยุทธ์แนะนำลงทุนในหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2567–2568 ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB

2.หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, MINT, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO

3.หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูง และมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

ทั้งนี้ หากมองย้อนไป เมื่อปี 46 ซึ่งเป็นปีแรกที่กองทุนวายุภักษ์ 1 เริ่มเข้าเทรดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. เป็นจุดเริ่มต้นของ Domestic Long Term Fund  ที่ค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นหลังพ้นวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และหลังจากนั้นราวปี 2547 กองทุน LTF ก็เกิดขึ้น

โดยผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยปี 46 ต้นปีอยู่ที่ 351.52 จุด หลังกองทุนวายุภักษ์เข้ามา 1 ก.ค. ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 69.64 จุด ไปสูงสุด 783.44 จุด ในวันที่ 9 ม.ค. 2547 หรือเพิ่มขึ้นจากต้นปี 2546 ถึง 123%

จากสถิติพบว่า ก่อนปี 2546 นักลงทุนต่างชาติเป็นภาพซื้อสลับขายในตลาดหุ้นไทย แต่ในช่วง 10 พ.ค. 2542-21 ม.ค. 2564 ต่างชาติขายหุ้นไทยลดลง 5.12 หมื่นล้านบาท ราว 3.3% ของมูลค่าตลาด และหลังการออกกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีกอง LTF ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่อง 4 ปีต่อเนื่อง รวมเป็นวงเงินกว่า 2.62 แสนล้านบาท

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า เม็ดเงินที่จะเข้ามาของกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท จะดันดัชนีเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 180 จุด โดยกองทุนต่างชาติมองตลาดหุ้นไทย Outperform เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค หลังจากแลกการ์ดมานาน

ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้น 2 ธีม 1.รับกองทุนวายุภักษ์ ได้แก่ ADVANC ราคาเป้าหมาย 270 บาท GULF เป้าหมาย 68 บาท และ 2.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เป้าหมาย 71 บาท  และบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ราคาเป้าหมาย 36 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า เม็ดเงินต่างชาติที่ทยอยเข้ามาในตลาดหุ้นไทย จะเพิ่มขึ้นเรี่อย ๆ จะทำให้มาร์เก็ตแคป และเทิร์นโอเวอร์ (Turnover) ของหุ้นไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก MSCI

Back to top button