CLSA แนะสอยกลุ่ม “สินเชื่อ-ค้าปลีก” รับดอกเบี้ยขาลง

CLSA แนะสอย TISCO-MTC-TIDLOR-CPALL-CPAXT ขานรับข่าวเงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมไปถึงเงินเฟ้อเดือน ส.ค. ต่ำคาด หนุนให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CLSA ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ( ณ วันที่ 5 ก.ย.67 ) อยู่ในระดับสูงที่สุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2565 โดย SET Index ปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,404.28 จุด เพิ่มขึ้น 38.79 จุด หรือ 2.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 81,736.15 ล้านบาท และยังถือเป็นตลาดที่เห็นการปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในเอเชียอีกด้วย

ต่อมาในวันนี้ (6 ก.ย. 67) ดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นร้อนแรงมาปิดที่ระดับ 1,427.64 จุด บวกไป 23.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107,436.04 ล้านบาท

โดยได้รับแรงผลักดันมาจากความคาดหวังต่อการแถลงนโยบายเศรษฐกิจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และการเริ่มแจกเงินผ่าน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต, การขายหน่วยลงทุน กองทุนวายุภักษ์ รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้

อีกทั้งยังมีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงนี้ ได้แก่ การเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันนี้ 6 ก.ย. 67, การแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 12-13 ก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่ก่อนหน้านี้ซึ่งคาดการณ์ไว้จะเกิดขึ้นวันที่ 16-17 ก.ย. และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเกิดขึ้นครั้งแรกวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งมองว่าจะอนุมัติการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตในทันทีให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ จำนวน 14.5 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ซึ่งจะเริ่มขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 16-20 ก.ย. ให้ประชาชนทั่วไปและวันที่ 18-20 ก.ย. จะเปิดขายแก่กลุ่มให้สถาบัน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะระดมทุนประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท พร้อมมีการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำและเพดาน โดยคาดการณ์ว่ารายละเอียดจะประกาศวันที่ 6 ก.ย. ซึ่งว่าน่ามีจะอยู่ในกรอบการันตีผลตอบแทนอยู่ที่ 3-7%

ขณะที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีการขายบอนด์ 10 ปี ทั้งหมด 4 หมื่นล้านบาท โดยมีผลตอบแทน 3.40% ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจนขายได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าหน่วยใหม่มีความน่าดึงดูดกว่าและมีกลไกป้องกันผลตอบแทน ซึ่งจะเริ่มลงทุนวันที่ 1 ต.ค. และเข้าตลาดวันที่ 15 ต.ค.

โดย CLSA ระบุอีกว่าการเปลี่ยนนโยบายให้เห็นเป็นผลลัพธ์ยังเป็นปัจจัยสำคัญหลังจากที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ โดยคาดการณ์ว่าสภาพคล่องระยะสั้นที่เข้ามาจะอยู่เหนือแรงต้านด้านโครงสร้าง ซึ่งคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศจะมีโมเมนตัมเชิงบวกในไตรมาส 4 ปี 2567 จากช่วง (High Season) ของการท่องเที่ยว และการแจกเงินของภาครัฐ

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าโมเมนตัมของการเข้าเก็บหุ้นจะยังดำเนินต่อ ผลักดันโดยเงินบาทที่แข็งค่าต่อเงินดอลลาร์ฯ รวมไปถึงเงินเฟ้อเดือน ส.ค. ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งอาจนำมาสู่การพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลง

โดยฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากลุ่มธนาคารขนาดเล็ก สินเชื่อผู้บริโภค และอสังหาริมทรัพย์จะได้รับประโยนชน์มากที่สุดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แนะนำลงทุน อาทิ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR นอกจากนั้นยังมองบวก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ในกลุ่มค้าปลีกที่จะเห็นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในระดับ 1-5%

Back to top button