“กสิกรไทย” ชี้กรอบบาทสัปดาห์หน้า 33.30-34.00 บ. จับตานโยบายรัฐบาลใหม่-ราคาทองโลก
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดเงินบาทสัปดาห์หน้า (9-13 ก.ย.67) เคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-34.00 บาท/ดอลลาร์ฯ จับตานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (9-13 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 33.30-34.00 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายละเอียดของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือนก.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของญี่ปุ่น และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน
โดยในรอบสัปดาห์นี้ (2-6 ก.ย.) เงินบาทกลับไปเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่ากว่าแนว 34.00 บาท/ดอลลาร์ฯ ช่วงสั้น ๆ ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาบางส่วนตามการปรับโพสิชั่นของตลาด หลังตัวเลขเงินเฟ้อ PCE/Core PCE ของสหรัฐฯ สะท้อนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่จำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มากกว่า 25 bps. ในการประชุม FOMC เดือนก.ย. นี้
อย่างไรก็ดีเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นทะลุ 34.00 บาท/ดอลลาร์ฯ อีกครั้งในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือนที่ 33.49 บาท/ดอลลาร์ฯ (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ 10 ก.พ.66) ตามสถานะซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยั งสอดคล้องกับทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก สวนทางกับเงินดอลลาร์ฯ ที่เผชิญแรงขาย หลังตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมามีสัญญาณอ่อนแอ
โดยในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย.67 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.49 บาท/ดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือน เทียบกับระดับ 33.86 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (30 ส.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย.67 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 15,496 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 9,517 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,017 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 500 ล้านบาท)