KUN ดีเดย์พรุ่งนี้! เทรด SET วางเป้า 5 ปี รายได้แตะพันล้าน ธุรกิจเรือธงแบรนด์ “นาวาร่า”
KUN ดีเดย์พรุ่งนี้! ย้ายเข้าเทรด SET หวังดึงสถาบัน-กองทุนใหญ่เข้าถือ วางเป้า 5 ปี(66-70) รายได้แตะพันล้าน โตเฉลี่ย 12 % พร้อมเปลี่ยนผ่านจากหุ้นเติบโตสู่หุ้นปันผล ชูเรือธงแบรนด์ “นาวาร่า” โซนพระราม 2-รังสิตทำเลทอง สร้างมูลค่าเพิ่ม พ่วงแผนจับมือพันมิตรสบายปีก “โครงการบ้านผู้สูงอายุ” มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 820 ล้านบาท โตเข้าเป้า 10-15%
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์ KUN เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
ทั้งนี้ด้วยคุณสมบัติที่ผ่านเกณฑ์ ทำให้ KUN ได้ย้ายเข้า SET สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการย้ายกระดานเทรดในครั้งนี้เป็นการเพิ่มสภาพคล่อง และเพิ่มเสถียรภาพของบริษัทฯ รวมถึงยังช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าลงทุน และยังสามารถดึงดูดให้กลุ่มกองทุน นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ หันมาลงทุนในหุ้น KUN ได้มากยิ่งขึ้น
“KUN มีความยินดีที่ได้ย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 11 กันยายน 2567 จากเดิมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค 2562 ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเชื่อว่าการย้ายกระดานซื้อขายเข้า SET ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น, ราคาของหุ้น, เครดิตต่อสถาบันการเงินต่าง ๆ ความน่าเชื่อถือในการใช้เครื่องมือทางการเงิน และเพิ่มความน่าเชื่อถือต่อการลงทุนในอนาคต เช่น การควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) ประกอบกับยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุนทั่วไป, นักลงทุนสถาบัน, รวมถึงกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ”นางประวีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ KUN ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบตามแผนยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมืองให้ครบ 4 ทิศ รอบกรุงเทพมหานคร (เหนือ,ใต้, ตะวันออก, ตะวันตก) ภายในกรอบระยะเวลา 5 ปี เพื่อมุ่งสู่อาณาจักรการสร้างเมืองที่อยู่อาศัยแห่งใหม่รอบเขตกรุงเทพฯ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์ที่บริษัทฯ วางไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์ สู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
หลังจาก KUN ประสบความสำเร็จก้าวแรกในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯ ได้นำเงินจากการระดมทุนไปต่อยอดการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพิ่มเติม แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด Covids 19 ในช่วงนั้น แต่ผลประกอบการทั้งรายรับและกำไรที่เติบโตอย่างดีมาโดยตลอด แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด Covids 19 ในช่วงนั้น แต่บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์นำไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแบบ ‘สุขใจอยู่บ้านชานเมือง’ เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก segment สินค้าเพิ่มเติมให้ครบ
โดยใช้ทั้งกลยุทธ์ทั้งการเจาะตลาดด้วยผลิตภัณฑ์เดิม (Market Penetration) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดเดิม (Product Development) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดใหม่ (Diversification) และองค์กรก็ได้ผ่านการปรับตัวในหลายมิติ เพื่อเดินต่อด้วย Efficiency ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด จนปัจจุบันจากการที่มีเพียง 4 โครงการ สู่การเติบโตถึง 9 โครงการ และได้เปิดโครงการครบ 4 ทิศในเขตปริมณฑลรอบกรุงเทพมหานครฯ ตามที่ได้ตั้งภารกิจไว้ และเพิ่มสินค้าจากระดับราคา 2-5 ล้านบาท ไปสู่ 2-15 ล้านบาทในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างแบรนด์ใหม่ ภายใต้ “นาวาร่า (Navara)” ในการขยายตลาดที่อยู่อาศัยสู่ระดับ High-End ให้สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนการสร้าง การเติบโตขององค์กรให้ควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยสะท้อนผ่านยอดขายตั้งแต่ปี 2010 ที่ระดับ 767 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,800 ล้านบาท ในปี 2019 จนถึงในไตรมาส 2/2567 ที่มียอดขาย 541 ล้านบาท และมีนโนบายการจ่ายปันผลต่อเนื่องทุกปี ทั้งในรูปแบบเงินสดและหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 576 ล้านบาท
“โดยภายหลังจากปี 2556 เป็นต้นมาบริษัทฯวางเป้าหมายการเติบโตเป็นช่วงในระยะยาวไว้เป็นแผน 5 ปี โดยตั้งแต่ปี 2561-2565 บริษัทฯได้ตั้งเป้าภารกิจที่สำคัญคือ “การได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และตั้งเป้ารายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งปักหมุดพัฒนาโครงการให้ครบ 4 ทิศ รอบเขตกรุงเทพฯ ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งประสบความสำเร็จตามแผน ดังนั้นภารกิจต่อจากนี้ ตั้งปี 2566-2570 บริษัทฯตั้งเป้าย้ายกระดานเทรดจากตลาดหลักทรัพย์ mai สู่การเทรดในกระดาน SET พร้อมทั้งจะสร้างอัตราการเติบโตของรายได้ 5 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 1,000 ล้านต่อปี และตั้งเป้ามีอัตรากำไรสุทธิราว 12% ต่อปี พร้อมเปลี่ยนผ่านจากหุ้นเติบโต (Growth Stock) เป็นหุ้นปันผล(Stock Dividend)” นางประวีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมธุรกิจภายในปี 2567 บริษัทฯคาดว่ารายได้จะมากกว่า 800 ล้านบาท หรือเติบโต 10-15% จากปีก่อน 720 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 บริษัทมี Backlog อยู่ที่ 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/67 ทั้งหมด ทำให้รายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้
ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่จะเน้นไปที่การพัฒนาที่ดินในมือเป็นหลัก ควบคู่กับการร่วมมือกับเจ้าของที่ดินที่สนใจเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการร่วมมือพันธมิตรพัฒนาโครงการบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและพูดคุยกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาในปี 2571
สำหรับโครงการของ KUN ในปัจจุบัน ที่อยู่ในระหว่างการขาย 7 โครงการ แบ่งเป็น ทำเลบางบัวทอง 5 โครงการ, ทำเลพระราม 2 จำนวน 1 โครงการ และทำเลรังสิต 1 โครงการ นอกจากนี้บริษัทฯยังมีที่ดินรอพัฒนาโครงการใหม่อีก 2 แปลง พื้นที่รวมประมาณ 65 ไร่ ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยแบ่งเป็นที่ดินที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา 1 แปลง และเป็นที่ดินเปล่าอีก 1 แปลง และเนื่องจากบริษัทฯยึดรูปแบบธุรกิจการซื้อที่ดินขนาดใหญ่ (business model) ทำให้การเปิดโครงการใหม่ไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่บริษัทฯจะเน้นเปิดโครงการเดิมตามแผนที่วางไว้มูลค่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งโครการดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้ยาว 10 ปี
โดยล่าสุดบริษัทฯเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้ “นาวาร่า” ทั้ง 2 ทำเล (พระราม 2 และ รังสิต) ซึ่งเป็น แฟลกชิป (Flagship) ใหม่บนทำเลทอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรือธงในการสร้างรายได้ให้กับ KUN ในอนาคต เนื่องจากบ้านในกลุ่มดังกล่าว ในรูปแบบบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-14 ล้านบาท เน้นให้เนื้อที่มาก (62 ตารางวาขึ้นไป) โดดเด่นที่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และมีงานโอนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเห็นได้จาก โครงการนาวาร่า พระราม 2 บ้านเดี่ยว จำนวน 469 แปลง มูลค่า 3,700 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ปัจจุบันโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 44 แปลง คิดเป็นยอดขาย 306 ล้านบาท ขณะที่ โครงการนาวาร่า รังสิตคลอง 2 บ้านเดี่ยว จำนวน 866 แปลง มูลค่า 7,000 ล้านบาท เริ่มเปิดขายเมื่อต้นปี 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบันโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 12 แปลง คิดเป็นยอดขาย 83 ล้านบาท