AGE ปิดดีลซื้อหุ้นเพิ่มทุน “ABM” ดันถือ 51% จ่อเทนเดอร์ฯ ราคา 1.30 บ. ไตรมาส 4 ปีนี้
AGE เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน “ABM” เตรียมทำเทนเดอร์ฯ ราคา 1.30 บาทต่อหุ้น คาดกระบวนการแล้วเสร็จช่วงปลายไตรมาส 4 ปี 2567 หนุนธุรกิจพลังงานยั่งยืนโตแกร่ง
นางสาวปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติรายการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM จำนวน 292,107,010 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 379,739,113 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ จะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนด้วยการแลกหุ้น (share swap) ของหุ้นสามัญในบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC จำนวน 81,860,400 หุ้น หรือคิดเป็น 24% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและชำระแล้ว และหุ้นสามัญในบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด (GRDF) จำนวน 335,497 หุ้น หรือคิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียน แทนการชำระด้วยเงินสด และจะทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ที่ระดับราคา 1.30 บาทต่อหุ้น
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อกิจการของ AGE ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจพลังงานยั่งยืน โดย ABM ถือเป็นผู้นำในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต และบริษัทฯ มุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้ไปสู่พลังงานสะอาด
นอกจากนี้ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน ABM จำนวน 292,107,010 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 379,739,113 ล้านบาท การชำระค่าตอบแทนโดยการโอนขายหุ้นสามัญของ QTC และหุ้นสามัญในบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด แทนการชำระด้วยเงินสด และ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน ABM ซึ่งบริษัทฯ คาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2567 และจะส่งผลให้ AGE เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจากปัจจุบัน 7.42% เป็น 51-100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน
โดยปัจจุบัน AGE มีการดำเนินงาน 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจถ่านหิน, ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจพลังงานยั่งยืน และธุรกิจ Diversified Investments สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ยังมาจากธุรกิจถ่านหินที่ 95% แต่หลังจากการเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน ABM สัดส่วนรายได้จากถ่านหินของบริษัทฯ จะลดลง จากการรับรู้รายได้ของ ABM ในฐานะบริษัทย่อย และในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่มีความยั่งยืน โดยวางเป้าหมายของธุรกิจโลจิสติกส์ เพิ่มสัดส่วนการให้บริการจากกลุ่มลูกค้าภายนอกทั้งจากกลุ่มสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมเป็น 50% จากปัจจุบันที่ 35%
ขณะที่ธุรกิจพลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจากขยะ ภายใต้บริษัทย่อย Green RDF อย่างต่อเนื่อง และธุรกิจ Human Solutions (Diversified Investments) ภายใต้บริษัทย่อย “เอจีอี เวนเจอร์ หรือ AGEVT” ได้จัดตั้งบริษัท เอจีอี อีวี พลัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการปล่อยเช่ารถ EV ให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจ โดยจะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 และได้มีการจัดตั้งบริษัท เอจีอี ออโต้ แกลลอรี่ จำกัด เพื่อรองรับธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV เนื่องจากมองว่าตลาดรถ EV ยังมีดีมานด์สูงขึ้นในอนาคต โดยได้เปิดให้บริการ 1 โชว์รูมซึ่งเป็น แบรนด์ OMODA & JAECOO และวางแผนที่จะเปิดเพิ่ม 2 โชว์รูมภายในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วน EBITDA มาจากธุรกิจยั่งยืน 75% ธุรกิจถ่านหิน 25% ภายในปี 2573
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเติบโตในธุรกิจที่ยั่งยืน ด้วยการลงทุนในพลังงานสะอาดทั้ง พลังงานจากขยะ และชีวมวล การขยายสัดส่วนรายได้การให้บริการโลจิสติกส์ในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม และมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการ ทั้งคลังสินค้า และระบบการขนส่ง และ ธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV และ การปล่อยเช่ารถ EV
โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน ABM ผ่านการแลกหุ้นครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการรุกเข้าสู่ธุรกิจ กรีน ของ เอจีอี และตั้งเป้าว่าใน ปี 2573 สัดส่วน EBITDA ของบริษัท จะมาจากธุรกิจถ่านหินเพียง 25% และอีก 75% จะมาจากธุรกิจกรีนที่มีความยั่งยืน