“ทิสโก้” คัด 42 หุ้นเล่น “ระยะสั้น” รับ 4 ปัจจัยบวกเฉพาะตัว

“บล.ทิสโก้” เปิด 4 ธีมหุ้นน่าสนใจระยะสั้น เน้นเป้าหมายฟันด์โฟลว์ต่างชาติ รับประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อน-แข็งตัว รวมถึงหุ้นรับอานิสส์น้ำท่วม และหุ้นปันผลเด่น


บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ วานนี้ (17 ก.ย.67) มองว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ยังคงมุมมองเดิมว่า FED จะเริ่มต้นลดดอกเบี้ยที่อัตรา -25 bps vs ตลาดล่วงหน้า ณ ขณะนี้สะท้อนโอกาสการลดดอกเบี้ยที่ -50 bps เพิ่มขึ้นเป็น 60% จากระดับ 30% ในสัปดาห์ที่แล้ว และจาก 25% ในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้ สิ่งนี้อาจสร้างความผันผวนแก่ตลาดได้ในระยะสั้น เพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกเก็งกำไรด้วยการฟื้นตัวขึ้นมาใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อาจจะผิดหวังได้ง่าย และในอีกด้านหนึ่งอาจถูกตีความได้ถึงความเสี่ยง Recession โดยแนะนำให้ติดตามถ้อยแถลงของประธาน FED มากเป็นพิเศษ รวมทั้งตัวเลขประมาณการใหม่ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

สำหรับการเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ในช่วงครึ่งหลังเดือน ก.ย. นี้ คาดการณ์จะประสบความสำเร็จขายได้ทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท เนื่องจากมีเงื่อนไขที่ดีกว่ากองทุนวายุภักษ์เดิมในปี 46 เช่น ผลตอบแทนขั้นสูงอยู่ที่ 9% vs ของเดิมที่ 7% และมีกลไกลบริหารความเสี่ยง หรือ Asset Coverage Ratio (ACR) อยู่ที่ประมาณ 3.3 เท่า vs ของเดิมที่ประมาณ 1.4 เท่า เป็นต้น รวมทั้งมีการดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) เพื่อประโยชน์แก่ผู้ลงทุนที่จะซื้อขายในตลาดรองด้วย

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกในระยะสั้นต่อเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ที่จะเริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นในวันที่ 1 ต.ค. จากการศึกษาทุก ๆ เงินกองทุนสถาบันในประเทศที่ไหลเข้าสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท จะช่วยหนุน SET Index ปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 12-13 จุด ประกอบกับความเคลื่อนไหว SET Index ในการจัดตั้งวายุภักษ์ในอดีตปี 46 SET Index หลังจากกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าลงทุนไปแล้ว 1 เดือนยังปรับตัวขึ้นได้ราว 19%

อย่างไรก็ดี แม้ขนาดเม็ดเงินระดมทุนวายุภักษ์ครั้งนี้จะสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท vs ครั้งก่อนที่ 7 หมื่นล้านบาท แต่ SET Index เวลานั้นไม่ถึงระดับ 700 จุด และมี Market Cap. ต่ำกว่าระดับ 4 ล้านล้านบาท vs ปัจจุบันที่ SET Index อยู่สูงกว่าระดับ 1,400 จุด และมี Market Cap. สูงเกือบ 18 ล้านล้านบาท ดังนั้นไม่คาดว่าเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์จะผลักดัน SET Index ปรับขึ้นเหมือนในอดีต

นอกจากนี้ ข่าวกระทรวงการคลังจะฟื้นกองทุนวายุภักษ์เริ่มเป็นกระแสข่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ดังนั้นราคาหุ้นในตลาดปัจจุบันน่าจะมีการซึมซัมปัจจัยดังกล่าวมาระดับหนึ่งแล้ว

โดยสรุป ตราบใดที่ SET Index ยังไม่สามารถวิ่งขึ้นมาทะลุระดับ 1,440 จุด มองตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในโหมดของการแกว่งพักฐาน หลังจากที่วิ่งขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ภายหลังการประชุม FED ในสัปดาห์นี้ ห่วงตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจผันผวนได้หลังถูกเก็งกำไรมากขึ้นจากความหวัง FED จะลดดอกเบี้ยลงเร็ว ซึ่งอาจสร้างความผิดหวังได้ง่าย

อย่างไรก็ดี มองเป็นจังหวะดีในการทยอยสะสมและถือรอขายทำกำไรตามรอบในช่วงต้นเดือนหน้า รับอานิสงส์เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ไหลเข้า

สำหรับธีมหุ้นน่าสนใจระยะสั้น 1) ธีมหุ้นเป้าหมาย Fund Flows ไหลเข้า (ต่างชาติซื้อคืน-วายุภักษ์-TESG) เน้นหุ้นใน SET100 ที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป และมีปันผลมากกว่าปีละ 3% แนะนำ ADVANC, AP, BAM, EGCO, ICHI, LH, TTB 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์บาทแข็ง BGRIM, EGCO, GPSC, TOP, PTT, IVL, PTTGC, TOA, COM7, SYNEX อย่างไรก็ดีหากบาทวกกลับมาอ่อนค่า จะช่วยกระตุ้นราคาหุ้นส่งออกฟื้นตัวได้เด่น HANA, KCE, SVI, AAI, ITC, SAPPE 3) หุ้นได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย – กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TASCO, TOA, SCC และกลุ่มค้าปลีก-ปรับปรุงบ้าน DOHOME, GLOBAL, HMPRO

4) หุ้นเก็งกำไรตามปัจจัยฤดูกาล อาทิ รพ. BDMS, BH, PR9 / ท่องเที่ยว AAV, AOT, CENTEL, MINT / เดินเรือ PSL, PRM อื่นๆ SISB ผสานกับหุ้น DCA ชุดใหม่เพิ่มเติมที่แนะนำ 1) หุ้นน่าลงทุนระยะยาว BEM, BH, CPAXT, CPF, GULF และ 2) หุ้นปันผล AP, DMT, EGCO, ICHI, TTB

Back to top button